หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในช่วงสัปดาห์ที่ 17-21 กุมภาพันธ์ 2025 ได้เผชิญกับความผันผวนที่สำคัญ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานหลายประการ ราคา Bitcoin ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำได้เคลื่อนไหวในกรอบราคาระหว่าง 95,000-100,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ระดับ 45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบัน
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตลาด
ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด โดยดัชนี CPI แสดงการเพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.9% ส่งผลให้ตลาดต้องปรับเปลี่ยนมุมมองต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ การประกาศนโยบายการค้าใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและพันธมิตรการค้า ยิ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระยะต่อไป
พัฒนาการเชิงบวกในอุตสาหกรรม
แม้จะมีปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจมหภาค แต่อุตสาหกรรมคริปโตยังคงเห็นพัฒนาการเชิงบวกที่สำคัญ โดยเฉพาะในด้านการยอมรับจากสถาบันการเงิน การยื่นขออนุมัติ ETF ในสหรัฐฯ ที่มีถึง 47 กองทุน สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากภาคการเงินแบบดั้งเดิม ในขณะเดียวกัน การพิจารณายกเว้นภาษีสำหรับธุรกรรม Bitcoin ในสาธารณรัฐเช็ก แสดงให้เห็นถึงการยอมรับคริปโตเคอร์เรนซีในระดับนโยบายที่กว้างขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างตลาด
ที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ระหว่าง Bitcoin กับสินทรัพย์ดั้งเดิมอย่างทองคำ ในช่วงที่ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยง เราเห็นการเคลื่อนไหวของเงินลงทุนเข้าสู่ทั้ง Bitcoin และทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับ Bitcoin ในฐานะทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น
แนวโน้มเทคโนโลยีที่น่าจับตา
อิทธิพลของเทคโนโลยี AI ต่อตลาดคริปโตได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยโทเคนที่เกี่ยวข้องกับ AI ครองสัดส่วนถึง 44% ของการพูดคุยในตลาด แซงหน้าแม้แต่กระแสความนิยมของเหรียญมีม การพัฒนาโครงการที่ผสมผสาน AI กับบล็อกเชนกำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนและนักพัฒนา
ผลกระทบจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ
ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดในสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ดัชนี CPI ที่เพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ไม่เพียงแต่ส่งผลให้ตลาดต้องปรับลดความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ แต่ยังกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในวงกว้าง ราคา Bitcoin ตอบสนองต่อข่าวนี้ด้วยการปรับตัวลดลงกว่า 5% ในวันที่มีการประกาศตัวเลข โดยเคลื่อนไหวลงมาทดสอบแนวรับที่ระดับ 95,000 ดอลลาร์สหรัฐ
การที่ตลาดลดความคาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ยจากสี่ครั้งเหลือเพียงสองครั้งในปี 2025 สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะยาว ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวลล์ ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า Fed จะยังคงใช้ความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน โดยเฉพาะในสภาวะที่ตัวเลขเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งและเงินเฟ้อยังไม่ลดลงสู่เป้าหมายที่ 2%
นโยบายการค้าของทรัมป์และผลกระทบต่อตลาด
การประกาศนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและพันธมิตรการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เพิ่มความซับซ้อนให้กับสถานการณ์เงินเฟ้อ แม้ว่าในระยะยาวการขึ้นภาษีอาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันด้านการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่ในระยะสั้นมาตรการนี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มแรงกดดันด้านราคาสินค้า ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มมองหาสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อมากขึ้น
การวิเคราะห์ราคา Bitcoin
ในด้านเทคนิค Bitcoin กำลังเผชิญกับจุดวิกฤตที่สำคัญ การเคลื่อนไหวของราคาในช่วงที่ผ่านมาได้สร้างรูปแบบ Ascending Triangle บนกราฟรายวัน โดยมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ และแนวรับที่ระดับ 95,605 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันยังคงอยู่เหนือค่าเฉลี่ย 200 วัน สะท้อนแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง แม้จะมีแรงกดดันในระยะสั้น
ปริมาณการซื้อขายที่ลดลง 22% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าบ่งชี้ถึงการเข้าสู่ช่วงพักตัว อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนี RSI ฟื้นตัวจากระดับ 45 พร้อมกับการเกิด Bullish Divergence บ่งชี้ถึงโอกาสในการฟื้นตัวในระยะสั้น หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับที่ 95,605 ดอลลาร์สหรัฐได้อย่างมั่นคง
พัฒนาการด้าน ETF และการลงทุนจากสถาบัน
การยื่นขออนุมัติ ETF จำนวน 47 กองทุนในสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากภาคการเงินแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณาอนุมัติ ETF สำหรับ Ethereum ที่มีแนวโน้มจะได้รับการอนุมัติในเร็วๆ นี้ ปริมาณเงินไหลเข้า ETF Bitcoin ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่เฉลี่ย 380 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน แม้จะลดลงมาอยู่ที่ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวันในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังคงแสดงถึงความสนใจที่ต่อเนื่องจากนักลงทุนสถาบัน
โอกาสในตลาด Altcoin
Ethereum ยังคงเป็น Altcoin ที่น่าจับตามองที่สุด โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการ Staking ที่ 48% ของ Supply ทั้งหมด และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกิน 50% ภายในไตรมาส 2 นักวิเคราะห์จาก Galaxy คาดการณ์ว่าอัตราส่วน ETH/BTC มีโอกาสฟื้นตัวไปถึงระดับ 0.045 เพิ่มขึ้น 50% จากระดับปัจจุบันที่ 0.03
สถานการณ์ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในช่วงสัปดาห์ที่ 17-21 กุมภาพันธ์ 2025 สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญ ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการเชิงบวกในด้านการยอมรับจากสถาบันการเงินและการพัฒนาของเทคโนโลยี
ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาดการณ์ได้ส่งผลให้ตลาดต้องปรับมุมมองต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ การที่ Fed ส่งสัญญาณชะลอการลดอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับนโยบายการค้าใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม การที่ราคา Bitcoin ยังสามารถรักษาระดับเหนือแนวรับสำคัญที่ 95,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแรงซื้อในตลาด
การลงทุนในช่วงนี้ควรให้ความสำคัญกับการจัดสรรพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม โดยพิจารณาลดสัดส่วนการถือครอง Bitcoin ลง 20% และกระจายการลงทุนไปยัง Ethereum ที่มีปัจจัยบวกจากการพัฒนา ETF และการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนการ Staking นอกจากนี้ การถือครองสินทรัพย์ที่อิงกับทองคำในสัดส่วน 10-15% ของพอร์ตจะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดได้
ในสัปดาห์ถัดไป นักลงทุนควรติดตามตัวเลข PCE inflation ที่จะประกาศในวันที่ 28 กุมภาพันธ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะเป็นตัวบ่งชี้สำคัญต่อทิศทางนโยบายการเงินของ Fed ในการประชุมเดือนมีนาคม นอกจากนี้ ความคืบหน้าในการพิจารณาอนุมัติ ETF สำหรับ Ethereum และผลกระทบของนโยบายการค้าใหม่ของสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางตลาดในระยะสั้น
สำหรับกลยุทธ์การเทรด การเข้าซื้อควรพิจารณาเมื่อราคาทดสอบแนวรับที่ 95,605 ดอลลาร์สหรัฐและมีการยืนยันจากเครื่องมือทางเทคนิค โดยตั้งเป้าทำกำไรที่แนวต้าน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ และวางจุดตัดขาดทุนที่ระดับต่ำกว่าแนวรับ 2-3% การจำกัดขนาดการเทรดไม่เกิน 2-3% ของพอร์ตต่อการเทรดหนึ่งครั้งจะช่วยให้สามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในระยะยาว แนวโน้มการยอมรับคริปโตเคอร์เรนซีจากสถาบันการเงินและการพัฒนาของเทคโนโลยี โดยเฉพาะในด้าน AI ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญของตลาด การรักษาวินัยในการลงทุนและการติดตามปัจจัยพื้นฐานอย่างใกล้ชิดจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในสภาวะตลาดที่มีความผันผวนเช่นนี้