หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
ตลาดหุ้น Amazon.com Inc. (NASDAQ: AMZN) ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2025 กำลังเผชิญกับช่วงเวลาสำคัญที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนของแนวโน้มการลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในกรอบจำกัดระหว่าง $202.68 ถึง $208.95 ในช่วงวันที่ 2-3 มิถุนายนสะท้อนถึงสภาวะตลาดที่กำลังรอคอยการเปิดเผยข้อมูลสำคัญและการกำหนดทิศทางใหม่ของนโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯ
การวิเคราะห์เทคนิคาลเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า Amazon กำลังอยู่ในจังหวะของการรวมตัว (Consolidation) ที่มีศักยภาพสูงสำหรับการเกิด Breakout ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง โดยระดับ Technical Rating ที่ 7 จาก 10 และ Setup Rating ที่ 8 จาก 10 บ่งชี้ถึงความพร้อมของรูปแบบทางเทคนิคที่อาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้ ระดับ Breakout ที่สำคัญอยู่ที่ $212.35 ซึ่งหากสามารถทะลุขึ้นไปได้อย่างมั่นคง จะเปิดทางสู่การเพิ่มขึ้นที่แข็งแกร่งขึ้นในระยะต่อไป
ปัจจัยพื้นฐานของ Amazon ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2025 ที่มี EPS อยู่ที่ $1.59 เกินกว่าการคาดการณ์ที่ $1.37 และรายได้ที่ $155.7 พันล้านดอลลาร์เกินกว่าการประมาณการที่ $155.29 พันล้านดอลลาร์ การเติบโตของ Amazon Web Services ในอัตรา 17% เป็น $29.3 พันล้านดอลลาร์ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตของบริษัท ขณะที่การลงทุนด้าน Artificial Intelligence ที่สามารถประหยัดต้นทุนการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้มากถึง 4,500 developer-years แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมที่จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว
ความเชื่อมั่นของนักวิเคราะห์ต่อแนวโน้มการเติบโตของ Amazon ยังคงอยู่ในระดับสูง โดย New Street Research ได้ยกระดับ Price Target เป็น $260 จากเดิม $258 ขณะที่ Price Target เฉลี่ยจากนักวิเคราะห์อยู่ที่ $238.49 ซึ่งสูงกว่าราคาปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ การที่ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่เหนือระดับ Moving Average ทั้ง 50 วันที่ $192.31 และ 200 วันที่ $201.74 เป็นสัญญาณเชิงบวกที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มระยะกลางและระยะยาวที่ยังคงแข็งแกร่ง
สำหรับเทรดเดอร์ CFD ช่วงเวลาปัจจุบันนับเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับการวางแผนกลยุทธ์การลงทุนในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเทรดระยะสั้นที่ใช้ประโยชน์จากความผันผวนในกรอบจำกัด การเทรด Swing ที่รอการ Breakout หรือการลงทุนระยะยาวที่มุ่งเน้นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท ความสามารถในการใช้ Leverage ในการเทรด CFD ทำให้นักลงทุนสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ต้องมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อป้องกันผลกระทบจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น
ในบริบทของตลาดการเงินโลกที่กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากนโยบายการเงินและการค้าระหว่างประเทศ Amazon ยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันและรายย่อย ความสัมพันธ์เชิงบวกสูงกับดัชนี NASDAQ-100 ที่มีค่า Correlation อยู่ที่ 0.92 และกับ S&P 500 ที่มีค่า Correlation อยู่ที่ 0.85 ทำให้การเคลื่อนไหวของ Amazon สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดแนวโน้มของตลาดเทคโนโลยีโดยรวมได้ การวิเคราะห์ในบทความนี้จึงมุ่งเน้นการนำเสนอมุมมองที่ครอบคลุมทั้งมิติทางเทคนิคและพื้นฐาน เพื่อให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูลประกอบที่สมบูรณ์
ช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2025 ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดทิศทางของตลาดการเงินสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่าง Amazon ปัจจัยทางเศรษฐกิจหลายประการกำลังสร้างแรงกดดันและโอกาสที่ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบัน การวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการวางกลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพ
การประชุมคณะกรรมการตลาดเปิดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 17-18 มิถุนายน 2025 กำลังสร้างความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน ช่วงวันที่ 2-8 มิถุนายนตกอยู่ในช่วงเงียบหรือ Blackout Period ที่สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินต้องงดแสดงความเห็นต่อสาธารณะ สภาวะนี้ทำให้นักลงทุนขาดข้อมูลชี้นำที่สำคัญเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต
ความไม่แน่นอนดังกล่าวส่งผลกระทบต่อหุ้น Amazon ผ่านกลไกการประเมินมูลค่าที่ซับซ้อน การขึ้นลงของอัตราดอกเบี้ยกระทบต่อต้นทุนการกู้ยืมสำหรับการขยายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และ Artificial Intelligence ซึ่งเป็นแกนหลักของการเติบโตในอนาคตของบริษัท นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยยังส่งผลต่อการปรับมูลค่าการคิดลดของกระแสเงินสดในอนาคต ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัทที่มีการลงทุนระยะยาวสูงอย่าง Amazon
การแข่งขันระหว่างอัตราผลตอบแทนของหุ้นเทคโนโลยีกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่อยู่ในระดับ 4.25-4.50% กำลังสร้างแรงกดดันต่อการตัดสินใจจัดสรรพอร์ตการลงทุนของนักลงทุน หากธนาคารกลางส่งสัญญาณการชะลอการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป อาจทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนกระแสเงินลงทุนออกจากหุ้นเทคโนโลยีไปยังตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า
รายงาน Job Openings and Labor Turnover Survey หรือ JOLTS ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนแสดงให้เห็นว่าตำแหน่งงานว่างในเดือนเมษายนอยู่ที่ 7.7 ล้านตำแหน่ง ตัวเลขนี้สะท้อนถึงความยืดหยุ่นของตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางมีความระมัดระวังมากขึ้นในการลดอัตราดอกเบี้ย การที่ตลาดแรงงานยังคงตึงตัวอาจหมายถึงแรงกดดันเงินเฟ้อจากค่าจ้างที่อาจส่งผลต่อนโยบายการเงินในระยะต่อไป
ดัชนี Institute for Supply Management Manufacturing หรือ ISM Manufacturing PMI ในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ระดับ 48.5% ซึ่งยังคงต่ำกว่าเกณฑ์ 50% ที่บ่งชี้ถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 37 การหดตัวของภาคการผลิตโดยเฉพาะในส่วนของการจ้างงานที่อยู่ที่ 46.8% อาจส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการบริโภคในกลุ่มลูกค้าองค์กรของ Amazon Web Services การลดลงของการลงทุนในภาคการผลิตอาจนำไปสู่การลดการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีและบริการคลาวด์ในระยะต่อไป
การเผยแพร่ข้อมูล Non-Farm Payrolls ในวันที่ 6 มิถุนายนที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่งงานถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลต่อทิศทางการลงทุนในระยะสั้น หากตัวเลขจริงต่ำกว่าการคาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญ อาจเป็นสัญญาณที่ทำให้ธนาคารกลางพิจารณาเร่งการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับหุ้นเติบโตสูงอย่าง Amazon เนื่องจากจะช่วยลดต้นทุนการลงทุนระยะยาวและเพิ่มความน่าสนใจของหุ้นเทคโนโลยี
ดัชนี VIX หรือดัชนีความกลัวของตลาด ณ วันที่ 3 มิถุนายนอยู่ที่ระดับ 19.11 พร้อมกับยอด Open Interest ในฟิวเจอร์สที่หมดอายุในเดือนมิถุนายนที่ 113,953 สัญญา ระดับ VIX ดังกล่าวสะท้อนถึงความเฝ้าระวังของนักลงทุนต่อความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นรอบการประชุมธนาคารกลางในสัปดาห์ถัดไป แม้ว่าระดับปัจจุบันจะยังไม่ถึงขั้นที่บ่งชี้ถึงความตื่นตระหนกของตลาด แต่การเพิ่มขึ้นของ Open Interest แสดงให้เห็นว่านักลงทุนกำลังเตรียมตัวรับมือกับความผันผวนที่อาจเพิ่มสูงขึ้น
ดัชนี Fear and Greed ที่อยู่ที่ระดับ 56 ซึ่งจัดอยู่ในเขต Greed บ่งชี้ว่าตลาดยังคงมีความเชื่อมั่นในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีอยู่ในระดับนี้อาจสะท้อนถึงการประเมินความเสี่ยงที่ต่ำเกินไปโดยเฉพาะต่อปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายภาษีนำเข้าและการปรับลดประมาณการ GDP โลกโดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีของบริษัทข้ามชาติ
การเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ หรือ DXY ในช่วงวันที่ 2-4 มิถุนายนที่ลดลงจาก 98.95 เป็น 98.58 และฟื้นตัวกลับมาที่ 99.06 สร้างผลกระทบที่สำคัญต่อ Amazon ในฐานะบริษัทข้ามชาติที่มีรายได้กว่าร้อยละ 40 จากตลาดนอกสหรัฐฯ การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐในช่วงต้นเดือนมิถุนายนส่งผลบวกต่อการแปลงรายได้จากสกุลเงินท้องถิ่นเป็นดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากตลาดยุโรป ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร
การวิเคราะห์เชิงปริมาณแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของ DXY ในอัตราร้อยละ 1 ส่งผลต่อรายได้ระหว่างประเทศของ Amazon ประมาณร้อยละ 0.4 ของยอดรายได้รวม ด้วยรายได้ระหว่างประเทศในไตรมาสแรกของปี 2025 ที่ 62.4 พันล้านดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงของ DXY ในระดับร้อยละ 2 อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ประมาณ 498 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สอง
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการอ่อนค่าของ DXY ในช่วงนี้ประกอบด้วยความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากข้อมูล PMI ภาคการผลิตที่ยังคงติดลบต่อเนื่อง ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าหลังจากที่ศาลสหรัฐฯ มีคำพิพากษาเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้า และการคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
ดัชนีราคาวัตถุดิบในภาคการผลิตตาม ISM Prices Index ที่อยู่ที่ระดับ 69.4% แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันด้านราคาที่ยังคงสูงต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม การเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบของภาษีนำเข้าที่ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานโลก สำหรับ Amazon สถานการณ์นี้อาจสร้างแรงกดดันต่อต้นทุนการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์และการจัดส่งสินค้า ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการปรับกลยุทธ์การกำหนดราคาในธุรกิจอีคอมเมิร์ซเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น
อย่างไรก็ตาม ข้อได้เปรียบของ Amazon ในด้านการใช้เทคโนโลยี Artificial Intelligence เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดต้นทุนการพัฒนาซอฟต์แวร์ อาจช่วยชดเชยแรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบในระดับหนึ่ง การประหยัดต้นทุนที่เทียบเท่า 4,500 developer-years จากการนำ AI มาใช้ในกระบวนการพัฒนาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการรักษาความสามารถในการแข่งขันแม้จะเผชิญกับสภาพแวดล้อมต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
การรวมปัจจัยทางเศรษฐกิจเหล่านี้เข้าด้วยกันสร้างภาพรวมของสภาพแวดล้อมการลงทุนที่มีความซับซ้อนและเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ก็มีโอกาสสำหรับผู้ที่สามารถวิเคราะห์และปรับตัวได้อย่างเหมาะสม สำหรับ Amazon ความแข็งแกร่งของปัจจัยพื้นฐานและการลงทุนด้านนวัตกรรมอาจช่วยให้บริษัทสามารถผ่านพ้นความท้าทายระยะสั้นและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว
การวิเคราะห์เชิงเทคนิคของหุ้น Amazon ผ่านมุมมองหลายไทม์เฟรมเผยให้เห็นภาพรวมที่น่าสนใจของการเคลื่อนไหวที่กำลังเข้าสู่จุดสำคัญ การใช้แนวทางการวิเคราะห์แบบ Multi-Timeframe ช่วยให้เราเข้าใจทั้งแนวโน้มใหญ่และจังหวะการเข้าออกตลาดที่เหมาะสม ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการวางกลยุทธ์การเทรด CFD ที่มีประสิทธิภาพ
ภาพรวมในไทม์เฟรมรายวันแสดงให้เห็นว่า Amazon กำลังอยู่ในช่วงการรวมตัวที่มีนัยสำคัญ ราคาปิดล่าสุดที่ 205.71 ดอลลาร์อยู่ในตำแหน่งที่น่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับ Moving Averages ต่าง ๆ โดยราคาปัจจุบันอยู่เหนือ SMA ระยะสั้น (201.69) และ SMA ระยะยาวที่สุด (201.74) แต่อยู่ใกล้เคียงกับ SMA ระยะกลางยาว (205.47) ซึ่งบ่งชี้ถึงการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขาย
ตัวชี้วัด RSI ในไทม์เฟรมรายวันอยู่ในระดับ 58.87 ซึ่งจัดอยู่ในโซนกลางที่ไม่ถึงขั้น Overbought หรือ Oversold แต่แสดงให้เห็นถึงพลังงานที่สมดุล การที่ RSI ไม่ได้อยู่ในระดับสุดขั้วทำให้มีพื้นที่สำหรับการเคลื่อนไหวในทั้งสองทิศทาง ขณะที่ MACD ที่ 3.9262 ยังคงอยู่ในเขตบวก แต่มีแนวโน้มลดลงจาก 4.2852 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การลดลงของ MACD แม้จะยังอยู่ในเขตบวกอาจส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับการชะลอตัวของโมเมนตัมขาขึ้น
การวิเคราะห์ Fractal Patterns ในช่วงห้าวันที่ผ่านมาแสดงให้เห็นรูปแบบที่น่าสนใจ Down Fractal ที่เกิดขึ้นในวันที่ 29 พฤษภาคมตามด้วย Up Fractal ในวันที่ 30 พฤษภาคม บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างตลาดในระยะสั้น การไม่ปรากฏของ Fractal ในวันที่ 2-3 มิถุนายนอาจหมายถึงการที่ตลาดกำลังสะสมพลังงานสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งใหม่
ไทม์เฟรม 4 ชั่วโมงเผยให้เห็นความผันผวนที่เพิ่มขึ้นและการต่อสู้ที่ชัดเจนระหว่างกำลังซื้อและขาย ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวจากระดับต่ำที่ 202.69 ดอลลาร์ขึ้นไปสู่จุดสูงที่ 207.69 ดอลลาร์ ก่อนที่จะปรับตัวลงมาปิดที่ 205.78 ดอลลาร์ ในช่วง H4 ล่าสุด
RSI ในไทม์เฟรมนี้แสดงให้เห็นความผันผวนที่สูงกว่า โดยเคลื่อนไหวจากระดับต่ำที่ 44.85 ขึ้นไปสู่ 62.74 ก่อนที่จะปรับลดมาที่ 53.59 การเคลื่อนไหวแบบนี้บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ตลาดที่รวดเร็ว และอาจเป็นสัญญาณของการเพิ่มขึ้นของความผันผวนในระยะสั้น
MACD ในไทม์เฟรม H4 อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าแต่ยังคงเป็นบวกที่ 1.6693 การที่ MACD สามารถรักษาระดับบวกแม้ในช่วงที่มีการปรับตัวลงเป็นสัญญาณเชิงบวกที่บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางยังคงมีความแข็งแกร่ง Stochastic Oscillator แสดงให้เห็นการปรับตัวจากระดับ Overbought ลงสู่ระดับที่สมดุลมากขึ้น โดย %K อยู่ที่ 62.89 และ %D อยู่ที่ 60.73
ไทม์เฟรมหนึ่งชั่วโมงให้ข้อมูลที่มีค่าสำหรับการหาจุดเข้าตลาดที่แม่นยำ การวิเคราะห์ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจของ MACD จากค่าลบ -0.0082 ไปสู่ค่าบวก 0.5329 ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง การเปลี่ยนแปลงนี้บ่งชี้ถึงการสร้างโมเมนตัมขาขึ้นในระยะสั้นที่อาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งขึ้น
Histogram ของ MACD ที่เปลี่ยนจาก -0.0384 ไปสู่ 0.0411 เป็นสัญญาณการยืนยันที่สำคัญ การที่ Histogram สามารถกลับมาเป็นบวกหลังจากอยู่ในเขตลบมักจะเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในระยะสั้น RSI ในไทม์เฟรมนี้แสดงให้เห็นความผันผวนที่สูง โดยเคลื่อนไหวจาก 45.47 ขึ้นไปถึง 66.96 ก่อนที่จะปรับลงมา ความผันผวนนี้สะท้อนถึงการต่อสู้ที่เข้มข้นระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
ไทม์เฟรมระยะสั้นมากเผยให้เห็นสัญญาณที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ที่ทำ Scalping การวิเคราะห์ข้อมูล M30 แสดงให้เห็นการลดลงของราคาจาก 207.69 ดอลลาร์ลงมาที่ 205.78 ดอลลาร์ ในช่วงเวลาเพียงสองชั่วโมง ขณะที่ RSI ปรับลดจาก 66.22 ลงมาที่ 40.33 ซึ่งใกล้เข้าสู่ระดับ Oversold
การลดลงของ Stochastic %K จาก 48.33 ลงมาที่ 17.62 ในไทม์เฟรม M30 เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงแรงขายที่รุนแรงในระยะสั้นมาก อย่างไรก็ตาม การที่ตัวชี้วัดเหล่านี้ลดลงสู่ระดับต่ำอาจเป็นโอกาสสำหรับการเข้าซื้อในราคาที่ดีสำหรับเทรดเดอร์ที่มองหาการฟื้นตัว
ไทม์เฟรม M15 แสดงให้เห็นสถานการณ์ที่รุนแรงยิ่งขึ้น โดย RSI ลดลงสู่ระดับ 23.24 ซึ่งถือเป็นระดับ Oversold ที่รุนแรง MACD ในไทม์เฟรมนี้เปลี่ยนจากบวกเป็นลบที่ -0.2268 ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงกดดันขายในระยะสั้นมาก อย่างไรก็ตาม การที่ตัวชี้วัดอยู่ในระดับสุดขั้วนี้มักจะมาพร้อมกับโอกาสการกลับตัวในระยะสั้น
การวิเคราะห์แบบ Multi-Timeframe เผยให้เห็นภาพรวมที่น่าสนใจของ Amazon ในช่วงเวลาปัจจุบัน ในมุมมองระยะยาว หุ้นยังคงอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น แต่กำลังเผชิญกับการท้าทายจากแรงต้านที่สำคัญ ไทม์เฟรมระยะกลางแสดงให้เห็นการรวมตัวที่อาจนำไปสู่การ Breakout ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
สัญญาณที่น่าสนใจมาจากการที่ตัวชี้วัดในไทม์เฟรมระยะสั้นเข้าสู่ระดับ Oversold อย่างรุนแรง ซึ่งอาจเป็นโอกาสสำหรับการเข้าซื้อในราคาที่ดี สำหรับเทรดเดอร์ที่มองหาโอกาสระยะสั้น การติดตามการฟื้นตัวของ RSI และ MACD ในไทม์เฟรม M15 และ M30 จะเป็นสัญญาณสำคัญสำหรับการยืนยันการกลับตัว
การรวมสัญญาณจากทุกไทม์เฟรมชี้ให้เห็นว่า Amazon กำลังอยู่ในจุดที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ การที่แนวโน้มระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ระยะสั้นแสดงสัญญาณ Oversold อาจเป็นสถานการณ์ที่เอื้อต่อการสร้างพื้นฐานสำหรับการเคลื่อนไหวขาขึ้นในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรรอการยืนยันจากการฟื้นตัวของตัวชี้วัดในไทม์เฟรมระยะสั้นก่อนตัดสินใจเข้าตลาด
การระบุและวิเคราะห์ระดับแนวต้านเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนการลงทุนและจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับหุ้น Amazon ในช่วงปัจจุบัน การวิเคราะห์ระดับแนวต้านต่าง ๆ จะช่วยให้เข้าใจถึงอุปสรรคที่ราคาอาจเผชิญในการเคลื่อนไหวขาขึ้น และประเมินศักยภาพของการทะลุระดับต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสการลงทุนที่มีความเป็นไปได้สูง
ระดับแนวต้านระยะสั้นที่สำคัญที่สุดสำหรับ Amazon อยู่ที่ 208.95 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่หุ้นสามารถทำได้ในวันที่ 3 มิถุนายน 2025 ระดับนี้มีความสำคัญเนื่องจากเป็นจุดที่แรงขายเข้ามาแทรกแซงอย่างชัดเจน และทำให้ราคาไม่สามารถรักษาตัวเหนือระดับนี้ได้ การที่ราคาสามารถแตะระดับนี้แต่ไม่สามารถปิดเหนือแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันจากผู้ขายที่ยังคงมีอยู่
การวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อขายในวันที่ 3 มิถุนายนแสดงให้เห็นว่าเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับ 208.95 ดอลลาร์ ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 33,139,121 หุ้น ซึ่งสูงกว่าวันก่อนหน้า การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายพร้อมกับการที่ราคาไม่สามารถทะลุผ่านระดับนี้ได้เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของแนวต้านนี้ นักลงทุนสถาบันและเทรดเดอร์รายใหญ่อาจใช้ระดับนี้เป็นจุดในการรับกำไรหรือเพิ่มสถานะขาย
ปัจจัยที่สนับสนุนความแข็งแกร่งของระดับแนวต้านนี้รวมถึงความไม่แน่นอนจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วง Blackout Period และการรอคอยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ การที่นักลงทุนอยู่ในโหมดระมัดระวังทำให้การทะลุระดับต้านทานใหม่ ๆ ต้องใช้แรงซื้อที่แข็งแกร่งกว่าปกติ สำหรับเทรดเดอร์ระยะสั้น ระดับ 208.95 ดอลลาร์จึงเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับการรับกำไรจากสถานะซื้อ และอาจเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการวาง Stop Loss สำหรับสถานะขาย
การที่ราคาสามารถทะลุและปิดเหนือระดับ 208.95 ดอลลาร์ได้อย่างชัดเจนจะเป็นสัญญาณเชิงบวกที่อาจเปิดทางสู่การทดสอบระดับแนวต้านถัดไป อย่างไรก็ตาม การทะลุระดับนี้ควรมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงเพื่อยืนยันความแท้จริงของการ Breakout การทะลุแบบ False Breakout อาจเกิดขึ้นได้หากแรงซื้อไม่เพียงพอหรือหากมีข่าวลบเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
ระดับแนวต้านระยะกลางที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับ Amazon อยู่ที่ 212.35 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับ Breakout ที่ระบุจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและได้รับการยืนยันจาก Setup Rating ที่อยู่ในระดับ 8 จาก 10 ระดับนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องจากการทะลุผ่านไปได้จะส่งสัญญาณของการเริ่มต้นแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งในระยะกลางถึงระยะยาว
การประเมินความน่าจะเป็นของการทะลุระดับ 212.35 ดอลลาร์ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย รวมถึงสภาพแวดล้อมของตลาดโดยรวม ความแข็งแกร่งของปัจจัยพื้นฐานของ Amazon และโมเมนตัมทางเทคนิค ด้วย Technical Rating ที่อยู่ที่ระดับ 7 จาก 10 และรูปแบบการรวมตัวที่ชัดเจน การทะลุระดับนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้สูงหากมีปัจจัยบวกเกิดขึ้น เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด หรือการส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง
ความสำคัญของระดับ 212.35 ดอลลาร์ยังมาจากการที่เป็นจุดที่เชื่อมต่อระหว่างการเคลื่อนไหวระยะสั้นและระยะยาว การทะลุระดับนี้ไม่เพียงแต่จะยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง แต่ยังเป็นการเปิดทางสู่การทดสอบระดับราคาที่สูงขึ้นในระยะยาว นักวิเคราะห์หลายรายมองว่าการทะลุระดับนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจนำไปสู่การปรับเป้าหมายราคาในเชิงบวก
สำหรับเทรดเดอร์ที่วางแผนจะใช้ประโยชน์จากการ Breakout ระดับ 212.35 ดอลลาร์เป็นจุดสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การเข้าตลาดควรรอการยืนยันจากการที่ราคาสามารถปิดเหนือระดับนี้ได้อย่างชัดเจน และควรมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การตั้ง Stop Loss ไว้ใต้ระดับ 208.95 ดอลลาร์จะช่วยจำกัดความเสี่ยงในกรณีที่การ Breakout ไม่สำเร็จ
ระดับแนวต้านระยะยาวที่สำคัญที่สุดสำหรับ Amazon อยู่ที่ 238.49 ดอลลาร์ ซึ่งเป็น Price Target เฉลี่ยจากนักวิเคราะห์ตามข้อมูลจาก FactSet ระดับนี้มีความสำคัญในแง่ของการประเมินมูลค่าระยะยาวและเป็นเป้าหมายที่หลายสถาบันการเงินใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจลงทุน การที่ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 205.71 ดอลลาร์ทำให้มีศักยภาพการเพิ่มขึ้นประมาณ 16 เปอร์เซ็นต์ถึงระดับนี้
ความน่าเชื่อถือของ Price Target ที่ 238.49 ดอลลาร์มาจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ Amazon โดยเฉพาะการเติบโตของ Amazon Web Services ในอัตรา 17 เปอร์เซ็นต์และการลงทุนด้าน Artificial Intelligence ที่สร้างการประหยัดต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญ การที่ New Street Research ยกระดับ Price Target เป็น 260 ดอลลาร์แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นต่อแนวโน้มการเติบโตของบริษัท
การบรรลุถึงระดับ 238.49 ดอลลาร์ต้องอาศัยการสนับสนุนจากหลายปัจจัย รวมถึงการคงความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก การขยายตัวของ AWS อย่างต่อเนื่อง และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวย การลดลงของอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางจะช่วยสนับสนุนการประเมินมูลค่าของหุ้นเติบโตสูงอย่าง Amazon และทำให้การบรรลุเป้าหมายนี้มีความเป็นไปได้สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่ระดับ 238.49 ดอลลาร์ไม่น่าจะเป็นเส้นตรง และอาจมีการปรับตัวลงระหว่างทางหลายครั้ง เทรดเดอร์ระยะยาวที่มีเป้าหมายที่ระดับนี้ควรเตรียมพร้อมสำหรับความผันผวนและมีแผนการจัดการพอร์ตที่เหมาะสม การใช้กลยุทธ์ Position Sizing ที่เหมาะสมและการตั้ง Stop Loss แบบขั้นบันไดจะช่วยให้สามารถรับมือกับความผันผวนในระหว่างการเดินทางสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ระดับ 238.49 ดอลลาร์ยังเป็นจุดที่นักลงทุนหลายรายอาจพิจารณารับกำไรบางส่วน ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันขายชั่วคราว การติดตามพฤติกรรมของปริมาณการซื้อขายเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับนี้จะเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินว่าราคาสามารถทะลุผ่านไปได้หรือจะเกิดการปรับตัวลงชั่วคราว
การวิเคราะห์ระดับแนวต้านทั้งสามระดับของ Amazon เผยให้เห็นภาพรวมที่สมบูรณ์ของความท้าทายและโอกาสที่หุ้นกำลังเผชิญ ระดับแนวต้านระยะสั้นที่ 208.95 ดอลลาร์เป็นอุปสรรคแรกที่ต้องผ่านไปให้ได้เพื่อสร้างโมเมนตัมขาขึ้น ระดับแนวต้านระยะกลางที่ 212.35 ดอลลาร์เป็นจุดสำคัญที่จะกำหนดทิศทางในระยะกลาง และระดับแนวต้านระยะยาวที่ 238.49 ดอลลาร์เป็นเป้าหมายสุดท้ายที่สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตของบริษัท
กลยุทธ์การเทรดควรปรับให้เข้ากับระดับแนวต้านแต่ละระดับ สำหรับการเทรดระยะสั้น ความสำเร็จในการทะลุระดับ 208.95 ดอลลาร์จะเป็นสัญญาณสำคัญสำหรับการเข้าตลาด สำหรับการเทรด Swing ระดับ 212.35 ดอลลาร์จะเป็นจุดยืนยันที่สำคัญ และสำหรับการลงทุนระยะยาว ระดับ 238.49 ดอลลาร์เป็นเป้าหมายที่มีเหตุผลสนับสนุน
ความสำเร็จในการทะลุระดับแนวต้านแต่ละระดับจะต้องมาพร้อมกับการยืนยันจากปัจจัยอื่น ๆ รวมถึงปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น การสนับสนุนจากข่าวสารเชิงบวก และสภาพแวดล้อมของตลาดโดยรวมที่เอื้ออำนวย เทรดเดอร์ควรใช้ระดับแนวต้านเหล่านี้เป็นแนวทางในการวางแผนการลงทุน แต่ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงและมีแผนการจัดการที่เหมาะสมเสมอ
การวิเคราะห์ระดับแนวรับมีความสำคัญไม่แพ้กับการศึกษาแนวต้าน เนื่องจากเป็นพื้นฐานที่ช่วยป้องกันการปรับตัวลงของราคาและสร้างโอกาสสำหรับการฟื้นตัว สำหรับหุ้น Amazon ในสภาวะตลาดปัจจุบัน การระบุและเข้าใจระดับแนวรับต่าง ๆ จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนการจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหาจุดเข้าตลาดที่เหมาะสมในกรณีที่เกิดการปรับตัวลง การวิเคราะห์ระดับแนวรับจะต้องพิจารณาทั้งปัจจัยทางเทคนิคและพฤติกรรมของนักลงทุนที่อาจเข้ามาสนับสนุนราคาในระดับต่าง ๆ
ระดับแนวรับระยะสั้นที่สำคัญที่สุดสำหรับ Amazon อยู่ที่ประมาณ 205 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการรับน้ำหนักขายระหว่างการซื้อขายในวันที่ 2-3 มิถุนายน 2025 การที่ราคาสามารถตั้งตัวและฟื้นตัวจากระดับใกล้เคียง 205 ดอลลาร์ในหลายโอกาสบ่งชี้ว่ามีแรงซื้อที่พร้อมเข้ามาสนับสนุนเมื่อราคาลดลงถึงระดับนี้
ความแข็งแกร่งของระดับแนวรับนี้ได้รับการยืนยันจากพฤติกรรมของปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับ 205 ดอลลาร์ การวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อขายแสดงให้เห็นว่าเมื่อราคาปรับลงมาใกล้ระดับนี้ จะมีนักลงทุนเข้ามาซื้อเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสะท้อนถึงการมองว่าระดับราคานี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการสะสมหุ้น Amazon
การที่ระดับ 205 ดอลลาร์กลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ประการแรก ระดับนี้ใกล้เคียงกับราคาปิดในช่วงที่ผ่านมาหลายวัน ทำให้นักลงทุนที่พลาดโอกาสการซื้อมีความต้องการเข้าตลาดเมื่อได้โอกาส ประการที่สอง ระดับนี้ยังสอดคล้องกับการประเมินมูลค่าระยะสั้นจากนักวิเคราะห์หลายราย ที่มองว่าราคาต่ำกว่า 205 ดอลลาร์เป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ
สำหรับเทรดเดอร์ระยะสั้น ระดับ 205 ดอลลาร์เป็นจุดอ้างอิงสำคัญสำหรับการตัดสินใจเข้าตลาด การที่ราคาสามารถรักษาตัวเหนือระดับนี้ได้จะเป็นสัญญาณเชิงบวกที่บ่งชี้ถึงความต้องการซื้อที่ยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม หากราคาทะลุลงมาต่ำกว่า 205 ดอลลาร์อย่างชัดเจนและมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูง อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าแรงรับอาจอ่อนแอลงและควรเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบระดับแนวรับถัดไป
การใช้ระดับ 205 ดอลลาร์ในการวางแผนการเทรดควรคำนึงถึงบริบทของตลาดโดยรวม ในสภาวะที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูงจากปัจจัยภายนอก การรับน้ำหนักที่ระดับนี้อาจไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร เทรดเดอร์ควรติดตามสัญญาณยืนยันอื่น ๆ เช่น พฤติกรรมของตัวชี้วัดทางเทคนิคในไทม์เฟรมระยะสั้น เพื่อประกอบการตัดสินใจ
ระดับแนวรับระยะกลางที่มีความสำคัญสูงอยู่ที่ 201.74 ดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับระดับ Moving Average ระยะยาว 200 วันตามข้อมูลที่ระบุในการวิเคราะห์ ระดับนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษในแง่ของการประเมินแนวโน้มระยะกลางถึงระยะยาว เนื่องจาก Moving Average 200 วันถือเป็นเครื่องมือวัดแนวโน้มที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่นักลงทุนและนักวิเคราะห์
ความสำคัญของระดับ 201.74 ดอลลาร์มาจากหลักการทางเทคนิคที่ว่า Moving Average ระยะยาวมักจะทำหน้าที่เป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในช่วงที่แนวโน้มหลักยังคงเป็นบวก การที่ราคาปัจจุบันของ Amazon อยู่เหนือระดับนี้ประมาณ 4 ดอลลาร์เป็นสัญญาณเชิงบวกที่บ่งชี้ว่าแนวโน้มระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง การรักษาตัวเหนือระดับนี้ได้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนระยะยาวที่ยังคงถือหุ้น Amazon
การวิเคราะห์พฤติกรรมของราคาในอดีตแสดงให้เห็นว่า Moving Average 200 วันมักจะเป็นจุดที่นักลงทุนสถาบันใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจเพิ่มสถานะการลงทุน เมื่อราคาปรับลงมาทดสอบระดับนี้ มักจะมีการซื้อเพิ่มจากกองทุนและสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่มองว่าเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในราคาที่น่าสนใจ การสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระดับ 201.74 ดอลลาร์มีแรงรับที่น่าเชื่อถือ
หากราคา Amazon ปรับลงมาทดสอบระดับ 201.74 ดอลลาร์ จะเป็นการทดสอบที่สำคัญสำหรับความแข็งแกร่งของแนวโน้มระยะยาว การที่ราคาสามารถรักษาตัวเหนือระดับนี้ได้และสร้างการฟื้นตัวจะเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของแนวโน้มขาขึ้น อย่างไรก็ตาม การทะลุลงไปต่ำกว่าระดับนี้อย่างชัดเจนอาจส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในระยะกลาง
สำหรับเทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ Swing Trading ระดับ 201.74 ดอลลาร์เป็นจุดอ้างอิงสำคัญสำหรับการกำหนด Stop Loss และการประเมินความเสี่ยง การตั้ง Stop Loss ไว้ใต้ระดับนี้เล็กน้อยจะช่วยป้องกันความเสียหายในกรณีที่แนวโน้มเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกันก็ให้พื้นที่เพียงพอสำหรับความผันผวนตามปกติของตลาด
ระดับแนวรับระยะยาวที่สำคัญที่สุดสำหรับ Amazon อยู่ที่ 192.31 ดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับระดับ Moving Average 50 วันตามข้อมูลที่วิเคราะห์ได้ ระดับนี้มีความสำคัญในแง่ของการเป็นเส้นแบ่งระหว่างแนวโน้มระยะกลางและการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นกับโครงสร้างราคาในระยะยาว การที่ราคาปัจจุบันอยู่เหนือระดับนี้มากกว่า 13 ดอลลาร์แสดงให้เห็นถึงระยะห่างที่ปลอดภัยและความแข็งแกร่งของแนวโน้มขาขึ้น
ความสำคัญของระดับ 192.31 ดอลลาร์ไม่เพียงแต่มาจากการเป็น Moving Average 50 วันเท่านั้น แต่ยังเป็นระดับที่สะท้อนถึงการประเมินมูลค่าพื้นฐานของ Amazon ในระยะยาว การวิเคราะห์ราคาในอดีตแสดงให้เห็นว่าเมื่อใดก็ตามที่ราคาปรับลงมาใกล้ระดับนี้ มักจะมีการซื้อสะสมจากนักลงทุนระยะยาวที่มองว่าเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในราคาที่น่าสนใจ
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนความแข็งแกร่งของระดับแนวรับนี้ ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ Amazon Web Services และการลงทุนด้าน Artificial Intelligence ที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ราคาหุ้นในระดับ 192.31 ดอลลาร์จะสะท้อนถึงการประเมินมูลค่าที่อนุรักษ์นิยมเกินไป และอาจดึงดูดนักลงทุนมูลค่าที่กำลังมองหาโอกาสการลงทุนในหุ้นคุณภาพในราคาที่เหมาะสม
หากสถานการณ์ตลาดเปลี่ยนแปลงในทางลบอย่างมีนัยสำคัญและราคา Amazon ปรับลงมาทดสอบระดับ 192.31 ดอลลาร์ จะเป็นการทดสอบครั้งสำคัญสำหรับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อหุ้นนี้ การที่ระดับนี้สามารถรับน้ำหนักขายได้และสร้างการฟื้นตัวจะเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งของความมั่นคงระยะยาว อย่างไรก็ตาม การทะลุลงไปต่ำกว่าระดับนี้อย่างชัดเจนอาจส่งสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่สำคัญ
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ระดับ 192.31 ดอลลาร์อาจถือเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ หากราคาปรับลงมาถึงระดับนี้ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง การใช้กลยุทธ์การซื้อแบบเป็นงวด หรือ Dollar Cost Averaging เมื่อราคาเข้าใกล้ระดับนี้อาจเป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการสร้างสถานะการลงทุนระยะยาว
การวิเคราะห์ระดับแนวรับทั้งสามระดับของ Amazon เผยให้เห็นโครงสร้างการสนับสนุนที่มีความแข็งแกร่งและเป็นชั้น ๆ ระดับแนวรับระยะสั้นที่ 205 ดอลลาร์ทำหน้าที่เป็นเส้นป้องกันแรกสำหรับการปรับตัวลงในระยะสั้น ระดับแนวรับระยะกลางที่ 201.74 ดอลลาร์เป็นจุดสำคัญสำหรับการรักษาแนวโน้มระยะกลาง และระดับแนวรับระยะยาวที่ 192.31 ดอลลาร์เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการประเมินมูลค่าระยะยาว
ความแข็งแกร่งของระดับแนวรับเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากทั้งปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน การที่ราคาปัจจุบันอยู่เหนือระดับแนวรับทุกระดับเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของแนวโน้มขาขึ้น การรับน้ำหนักที่ระดับต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยสร้างโอกาสสำหรับการฟื้นตัวและการเคลื่อนไหวขาขึ้นในระยะต่อไป
เทรดเดอร์และนักลงทุนควรใช้ระดับแนวรับเหล่านี้เป็นแนวทางในการวางแผนการจัดการความเสี่ยงและการหาจุดเข้าตลาดที่เหมาะสม การตั้ง Stop Loss ที่เหมาะสมควรคำนึงถึงระดับแนวรับที่สำคัญ โดยให้พื้นที่เพียงพอสำหรับความผันผวนตามปกติแต่ไม่ให้ความเสียหายมากเกินไปหากแนวโน้มเปลี่ยนแปลง การเข้าใจและใช้ประโยชน์จากระดับแนวรับเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเทรดและลดความเสี่ยงในการลงทุน
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของ Amazon ในช่วงต้นปี 2025 เผยให้เห็นภาพรวมที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง ผลการดำเนินงานที่เกินความคาดหวัง การเติบโตของธุรกิจหลัก และการลงทุนในเทคโนโลยีล้ำสมัยล้วนสนับสนุนมุมมองระยะยาวที่เป็นบวกต่อบริษัท การประเมินปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจศักยภาพการเติบโตและความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อราคาหุ้นในอนาคต
ผลการดำเนินงานของ Amazon ในไตรมาสแรกของปี 2025 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งที่เกินความคาดหวังของตลาด บริษัทประกาศผลประกอบการที่มีกำไรต่อหุ้น 1.59 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการประมาณการของนักวิเคราะห์ที่ 1.37 ดอลลาร์ การเกินความคาดหวังดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้นและการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 155.7 พันล้านดอลลาร์ เกินกว่าการคาดการณ์ที่ 155.29 พันล้านดอลลาร์ แม้จะเกินความคาดหวังเพียงเล็กน้อย แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรักษาการเติบโตที่มั่นคงท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ท้าทาย
การที่ผลการดำเนินงานเกินความคาดหวังแต่ราคาหุ้นกลับปรับตัวลง 2.21 เปอร์เซ็นต์ในการซื้อขายหลังเวลาทำการสะท้อนถึงความระมัดระวังของนักลงทุนและการมุ่งเน้นไปที่แนวโน้มการเติบโตในอนาคตมากกว่าผลการดำเนินงานในอดีต การตอบสนองของตลาดในลักษณะนี้เป็นสิ่งปกติสำหรับหุ้นขนาดใหญ่ที่มีการคาดหวังสูง และมักจะเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มีมุมมองระยะยาวในการพิจารณาสถานะการลงทุน
ความสำเร็จของผลการดำเนินงานไม่ได้มาจากรายได้รวมเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการปรับปรุงอัตรากำไรและประสิทธิภาพการดำเนินงานในหลายส่วนธุรกิจ การที่บริษัทสามารถรักษาการเติบโตของรายได้ไว้ได้ขณะเดียวกับการเพิ่มกำไรต่อหุ้นเป็นสัญญาณของการดำเนินงานที่มีวุฒิภาวะและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น
Amazon Web Services หรือ AWS ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตและผลกำไรของ Amazon ด้วยการเติบโตในอัตรา 17 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรก โดยมีรายได้ 29.3 พันล้านดอลลาร์ การเติบโตในอัตรานี้แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่ยังคงแข็งแกร่งสำหรับบริการคลาวด์และความสามารถของ Amazon ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง ธุรกิจ AWS มีความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องจากมีอัตรากำไรที่สูงกว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิม และเป็นแหล่งรายได้ที่มีความเสถียรสูงกว่า
ความสำเร็จของ AWS ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเป็นผู้นำในตลาดคลาวด์ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและพัฒนาบริการใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การที่ AWS สามารถรักษาอัตราการเติบโตในระดับสองหลักท่ามกลางฐานรายได้ที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นสิ่งที่น่าประทับใจและบ่งชี้ถึงศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต
การมีส่วนแบ่งตลาดคลาวด์ที่ 61 เปอร์เซ็นต์ทำให้ AWS อยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งในการรับประโยชน์จากเทรนด์การดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ยังคงขยายตัวทั่วโลก ธุรกิจองค์กรต่าง ๆ ยังคงย้ายโครงสร้างพื้นฐานไอทีไปยังคลาวด์ และ AWS อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการรับประโยชน์จากแนวโน้มนี้ในระยะยาว การลงทุนอย่างต่อเนื่องในการขยายศูนย์ข้อมูลและพัฒนาบริการใหม่จะช่วยให้ AWS รักษาความเป็นผู้นำในตลาดและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
การลงทุนด้าน Artificial Intelligence ของ Amazon กำลังให้ผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรมและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญ การประกาศของ CEO Andy Jassy เกี่ยวกับการประหยัดต้นทุนการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เทียบเท่า 4,500 developer-years จากการใช้ AI แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่เป็นรูปธรรมของเทคโนโลยีนี้ต่อประสิทธิภาพการดำเนินงาน การประหยัดต้นทุนในระดับนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน แต่ยังช่วยให้บริษัทสามารถเร่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ได้เร็วขึ้น
การลงทุนด้าน AI ของ Amazon ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการปรับปรุงประสิทธิภาพภายในเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาบริการ AI สำหรับลูกค้าของ AWS ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่มีศักยภาพสูง การที่ Amazon สามารถใช้ AI เพื่อพัฒนาบริการของตนเองและขายบริการเหล่านั้นให้กับลูกค้าถือเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดที่สร้างมูลค่าเพิ่มในหลายระดับ ความสามารถในการใช้ประโยชน์จาก AI ในทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพภายในและการสร้างรายได้ใหม่จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ Amazon รักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
การลงทุนด้าน AI ยังช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าในหลายส่วนธุรกิจของ Amazon ตั้งแต่การแนะนำสินค้าในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ การปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความพึงพอใจแต่ยังช่วยสร้างความภักดีและเพิ่มมูลค่าตลอดชีวิตของลูกค้า
ความเชื่อมั่นของนักวิเคราะห์ต่อแนวโน้มการเติบโตของ Amazon ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งสะท้อนผ่านการยกระดับ Price Target จาก New Street Research เป็น 260 ดอลลาร์จากเดิม 258 ดอลลาร์ การปรับเพิ่มเป้าหมายราคาแม้จะเป็นจำนวนเล็กน้อย แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นต่อศักยภาพการเติบโตของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการลงทุน AI และการขยายธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง
Price Target เฉลี่ยจากนักวิเคราะห์ที่ 238.49 ดอลลาร์ สูงกว่าราคาปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ โดยบ่งชี้ถึงศักยภาพการเพิ่มขึ้นประมาณ 16 เปอร์เซ็นต์ ความแตกต่างระหว่างราคาปัจจุบันและเป้าหมายราคาเฉลี่ยแสดงให้เห็นถึงมุมมองเชิงบวกของชุมชนนักวิเคราะห์ต่อโอกาสการเติบโตที่ยังคงมีอยู่ การที่นักวิเคราะห์หลายรายมี Rating อยู่ที่ระดับ Buy สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อความสามารถของ Amazon ในการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นในระยะกลางถึงระยะยาว
การประเมินมูลค่าของนักวิเคราะห์ไม่ได้อิงเพียงแค่ผลการดำเนินงานในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตในอนาคตที่ขับเคลื่อนโดยการลงทุนด้าน AI และการขยายตัวของธุรกิจคลาวด์ ความมั่นใจของนักวิเคราะห์เหล่านี้มาจากการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมทั้งปัจจัยภายในบริษัทและแนวโน้มของอุตสาหกรรม ซึ่งล้วนชี้ไปในทิศทางที่เป็นบวกสำหรับ Amazon
ความสัมพันธ์ของ Amazon กับภาคเทคโนโลยีโดยรวมมีความซับซ้อนและน่าสนใจ ด้วยค่า Correlation ที่สูงกับดัชนี NASDAQ-100 ที่ 0.92 และกับ S&P 500 ที่ 0.85 Amazon มักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดเทคโนโลยีโดยรวม อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ Relative Strength แสดงให้เห็นว่า Amazon มีความแข็งแกร่งเฉพาะตัวที่แตกต่างจากหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน
การเปรียบเทียบกับหุ้นเทคโนโลยีหลักอื่น ๆ เช่น Microsoft และ Apple แสดงให้เห็นว่า Amazon มีประสิทธิภาพที่แตกต่างในช่วงเวลาต่าง ๆ ในขณะที่ Microsoft แสดงความเสถียรจากธุรกิจ Azure AI และ Apple ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวก่อนการประกาศ WWDC Amazon กลับแสดงการเคลื่อนไหวที่สม่ำเสมอและมีพื้นฐานจากผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม การที่ Amazon สามารถรักษาประสิทธิภาพที่ดีท่ามกลางความท้าทายของตลาดแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และธุรกิจหลัก
การไหลของเงินทุนเข้าสู่กองทุนเทคโนโลยี 2.1 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์แรกของมิถุนายนเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับภาคเทคโนโลยีโดยรวม รวมถึง Amazon การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนการถือหุ้นเทคโนโลยีในพอร์ตสถาบันจาก 29 เปอร์เซ็นต์เป็น 32 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรกแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนสถาบันต่อแนวโน้มการเติบโตของภาคเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงในการจัดสรรพอร์ตนี้มีแนวโน้มจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นคุณภาพอย่าง Amazon ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมของอุตสาหกรรม
การลงทุนในหุ้น Amazon ผ่านระบบ CFD ในช่วงเวลาปัจจุบันต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสภาพตลาดและการเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของแต่ละบุคคล การวิเคราะห์ที่ได้นำเสนอในส่วนก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นว่า Amazon กำลังอยู่ในจุดสำคัญที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ ดังนั้นการวางแผนการลงทุนที่รอบคอบและมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน
เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping ในไทม์เฟรม 5 ถึง 15 นาทีควรให้ความสำคัญกับการติดตาม RSI และ Stochastic Oscillator อย่างใกล้ชิด จากการวิเคราะห์ข้อมูลล่าสุดพบว่า RSI ในไทม์เฟรม M15 ได้ลดลงสู่ระดับ Oversold ที่รุนแรงถึง 23.24 ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าสนใจสำหรับการหาโอกาสเข้าซื้อในระยะสั้นมาก การที่ RSI อยู่ในระดับสุดขั้วนี้มักจะมาพร้อมกับการกลับตัวในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรรอการยืนยันจากการฟื้นตัวของ RSI ให้เหนือระดับ 30 ก่อนตัดสินใจเข้าตลาด
MACD ในไทม์เฟรม M15 ที่เปลี่ยนจากบวกเป็นลบที่ -0.2268 เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม เมื่อ MACD อยู่ในระดับต่ำมากและเริ่มแสดงสัญญาณการชะลอตัวของแรงขาย การติดตามการเปลี่ยนแปลงของ Histogram จากลบเป็นบวกจะเป็นสัญญาณยืนยันที่ดีสำหรับการเข้าตลาด จุดเข้าที่เหมาะสมควรอยู่ใกล้ระดับ Support ที่ 205 ดอลลาร์ พร้อมกับการตั้ง Stop Loss ไว้ที่ประมาณ 204.50 ดอลลาร์ และ Take Profit ในระดับ 206.50 ถึง 207 ดอลลาร์
การใช้กลยุทธ์ Scalping ในสภาวะปัจจุบันต้องคำนึงถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้นและปริมาณการซื้อขายที่อาจไม่สม่ำเสมอ เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยงการเข้าตลาดในช่วงที่ปริมาณการซื้อขายต่ำหรือในช่วงเวลาที่อาจมีการประกาศข่าวสำคัญ การกำหนด Position Size ที่เหมาะสมและการใช้ Leverage อย่างระมัดระวังจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพของการเทรด
สำหรับการเทรดภายในวันในไทม์เฟรม 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เทรดเดอร์ควรมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 205 ถึง 208.95 ดอลลาร์ ข้อมูลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า MACD ในไทม์เฟรม H1 มีการเปลี่ยนแปลงจากค่าลบเป็นค่าบวกอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสัญญาณของการสร้างโมเมนตัมขาขึ้นในระยะสั้น การติดตาม Histogram ที่เปลี่ยนจาก -0.0384 ไปสู่ 0.0411 เป็นสัญญาณยืนยันที่สำคัญสำหรับการเข้าซื้อ
กลยุทธ์ที่แนะนำสำหรับ Day Trading คือการใช้ Range Trading ภายในกรอบที่กำหนด โดยการซื้อเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับ Support ที่ 205 ดอลลาร์และมีสัญญาณยืนยันจากตัวชี้วัด และการขายเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับ Resistance ที่ 208.95 ดอลลาร์ การใช้กลยุทธ์นี้ต้องมีการติดตามปริมาณการซื้อขายอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการทะลุออกจากกรอบการซื้อขายอาจเกิดขึ้นได้และต้องมีการปรับกลยุทธ์ทันที
การจัดการเวลาในการเทรดมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ Day Trading ช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูงคือช่วงเช้าของตลาดสหรัฐฯ และช่วงที่ตลาดยุโรปยังเปิดอยู่ เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยงการเข้าตลาดในช่วงเวลาที่ใกล้จะปิดตลาดหรือในช่วงที่คาดว่าจะมีการประกาศข่าวสำคัญ การตั้ง Stop Loss ที่ระดับ 204.50 ดอลลาร์และ Take Profit ที่ระดับ 208.50 ดอลลาร์จะให้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสม
การใช้กลยุทธ์ Swing Trading สำหรับ Amazon ในช่วงปัจจุบันควรมุ่งเน้นการรอการ Breakout จากระดับแนวต้านสำคัญที่ 212.35 ดอลลาร์ การวิเคราะห์ในไทม์เฟรม H4 และ Daily แสดงให้เห็นรูปแบบการรวมตัวที่มี Setup Rating สูงถึง 8 จาก 10 ซึ่งบ่งชี้ถึงความน่าจะเป็นสูงของการเกิด Breakout ในอนาคตอันใกล้ เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์นี้ควรเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าตลาดเมื่อราคาสามารถปิดเหนือระดับ 212.35 ดอลลาร์อย่างชัดเจน
การยืนยันการ Breakout ควรมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการที่ตัวชี้วัดทางเทคนิคในไทม์เฟรม H4 แสดงสัญญาณเชิงบวก การตั้ง Stop Loss ไว้ใต้ระดับ 208.95 ดอลลาร์จะช่วยป้องกันความเสียหายในกรณีที่การ Breakout ไม่สำเร็จ ส่วน Take Profit แรกสามารถตั้งไว้ที่ระดับ 220 ดอลลาร์ และหากแนวโน้มยังคงแข็งแกร่ง สามารถปรับเป้าหมายไปที่ระดับ 230 ดอลลาร์
ความอดทนเป็นคุณสมบัติสำคัญสำหรับ Swing Trading เนื่องจากการถือสินทรัพย์อาจต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ เทรดเดอร์ควรมีการติดตามข่าวสารและปัจจัยพื้นฐานที่อาจส่งผลต่อทิศทางของหุ้น โดยเฉพาะการประชุม Fed ในวันที่ 17-18 มิถุนายนและข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะเผยแพร่ในระหว่างนั้น การปรับกลยุทธ์ตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมตลาดจะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จ
นักลงทุนระยะยาวที่ใช้กลยุทธ์ Position Trading ควรมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ Amazon โดยเฉพาะการเติบโตของ AWS ในอัตรา 17 เปอร์เซ็นต์และการลงทุนด้าน AI ที่สร้างการประหยัดต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญ การมี Price Target เฉลี่ยจากนักวิเคราะห์ที่ 238.49 ดอลลาร์ให้ศักยภาพการเพิ่มขึ้นประมาณ 16 เปอร์เซ็นต์จากระดับปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว
การเข้าตลาดสำหรับ Position Trading ควรพิจารณาการใช้กลยุทธ์ Dollar Cost Averaging โดยเฉพาะหากราคาปรับลงมาทดสอบระดับ Support สำคัญ การแบ่งเงินลงทุนออกเป็นหลายงวดและเข้าตลาดในช่วงเวลาต่าง ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาในระยะสั้น การตั้ง Stop Loss สำหรับการลงทุนระยะยาวควรอยู่ใต้ระดับ 192.31 ดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับ Moving Average 50 วัน เพื่อให้พื้นที่เพียงพอสำหรับความผันผวนตามปกติ
ความสำคัญของการติดตามปัจจัยมหภาคและข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับ Amazon ไม่สามารถมองข้ามได้สำหรับนักลงทุนระยะยาว การเปลี่ยนแปลงของนโยบายการเงิน การพัฒนาในด้านเทคโนโลยี AI และการแข่งขันในตลาดคลาวด์ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลต่อมูลค่าหุ้นในระยะยาว การมีแผนการจัดการพอร์ตที่ชัดเจนและการทบทวนเป้าหมายการลงทุนเป็นระยะจะช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การจัดการความเสี่ยงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเทรด Amazon CFD เนื่องจากการใช้ Leverage ทำให้ทั้งโอกาสผลกำไรและความเสี่ยงขยายตัวขึ้น การกำหนด Position Size ที่เหมาะสมควรไม่เกิน 2-3 เปอร์เซ็นต์ของเงินทุนทั้งหมดต่อการเทรด 1 ครั้ง สำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์น้อย ขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วย Position Size ที่เล็กกว่านี้เพื่อเรียนรู้และปรับตัวกับพฤติกรรมของตลาด
การตั้ง Stop Loss และ Take Profit ต้องมีความสมเหตุสมผลและสอดคล้องกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค สำหรับการเทรดระยะสั้น อัตราส่วน Risk to Reward ควรอยู่ที่ 1:2 หรือดีกว่า ส่วนการเทรดระยะยาวสามารถยอมรับอัตราส่วน 1:3 หรือสูงกว่าได้ การใช้ Trailing Stop Loss จะช่วยปกป้องกำไรที่เกิดขึ้นและลดความเสี่ยงจากการกลับตัวของราคาอย่างกะทันหัน
การกระจายความเสี่ยงไม่ควรจำกัดอยู่เพียงการไม่ลงทุนในหุ้นเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการกระจายเวลาในการเข้าตลาดและการใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย การเฝ้าติดตามความสัมพันธ์ของ Amazon กับดัชนี NASDAQ-100 และ S&P 500 จะช่วยให้เข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของตลาดโดยรวม การมีแผนการออกจากตลาดที่ชัดเจนทั้งในกรณีที่กำไรและขาดทุนจะช่วยให้การตัดสินใจมีความเป็นระบบและลดอิทธิพลของอารมณ์ต่อการเทรด
การวิเคราะห์หุ้น Amazon ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2025 เผยให้เห็นภาพรวมที่น่าสนใจของโอกาสการลงทุนที่มีศักยภาพสูงท่ามกลางความท้าทายที่ต้องเผชิญ การเคลื่อนไหวของราคาในกรอบจำกัดระหว่าง 202.68 ถึง 208.95 ดอลลาร์สะท้อนถึงสภาวะตลาดที่กำลังสะสมพลังงานสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ผลการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่อาจเกิดขึ้นสำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุนที่มีการเตรียมตัวอย่างเหมาะสม
ปัจจัยพื้นฐานของ Amazon ยังคงแสดงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่เกินความคาดหวังและการเติบโตของ Amazon Web Services ในอัตรา 17 เปอร์เซ็นต์ การลงทุนด้าน Artificial Intelligence ที่สร้างการประหยัดต้นทุนเทียบเท่า 4,500 developer-years แสดงให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ความเชื่อมั่นของนักวิเคราะห์ที่สะท้อนผ่าน Price Target เฉลี่ยที่ 238.49 ดอลลาร์สนับสนุนมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพการเติบโตในระยะกลางถึงระยะยาว
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเผยให้เห็นสัญญาณที่น่าสนใจในหลายมิติ ระดับ Technical Rating ที่ 7 จาก 10 และ Setup Rating ที่ 8 จาก 10 บ่งชี้ถึงความพร้อมสำหรับการเกิด Breakout ที่มีนัยสำคัญ ระดับแนวต้านสำคัญที่ 212.35 ดอลลาร์เป็นจุดสำคัญที่การทะลุผ่านไปได้จะส่งสัญญาณการเริ่มต้นแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ในทางตรงกันข้าม ระดับแนวรับที่ 205 ดอลลาร์ 201.74 ดอลลาร์ และ 192.31 ดอลลาร์สร้างโครงสร้างการสนับสนุนที่แข็งแกร่งและเป็นชั้น ๆ ซึ่งช่วยจำกัดความเสี่ยงจากการปรับตัวลงในระยะสั้น
สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคนำเสนอทั้งโอกาสและความท้าทาย ช่วง Blackout Period ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก่อนการประชุม FOMC วันที่ 17-18 มิถุนายนสร้างความไม่แน่นอนในระยะสั้น ขณะเดียวกัน การอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์สหรัฐสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อรายได้ระหว่างประเทศของ Amazon ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยเฉพาะรายงาน Non-Farm Payrolls ที่จะเผยแพร่ในวันที่ 6 มิถุนายน อาจเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดในระยะสั้น
ความสัมพันธ์ของ Amazon กับตลาดเทคโนโลยีโดยรวมยังคงแน่นแฟ้น ด้วยค่า Correlation ที่สูงกับดัชนี NASDAQ-100 และ S&P 500 การไหลของเงินทุนเข้าสู่กองทุนเทคโนโลยี 2.1 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์แรกของมิถุนายนเป็นสัญญาณเชิงบวกที่อาจสนับสนุนการเคลื่อนไหวของหุ้นเทคโนโลยีคุณภาพอย่าง Amazon อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของ Market Sentiment และความกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าในภาคเทคโนโลยียังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
สำหรับเทรดเดอร์ประเภทต่าง ๆ โอกาสที่น่าสนใจมีอยู่ในหลากหลายรูปแบบ เทรดเดอร์ระยะสั้นสามารถใช้ประโยชน์จากสัญญาณ Oversold ที่รุนแรงในไทม์เฟรมต่ำ ขณะที่ Swing Trader สามารถเตรียมพร้อมสำหรับการ Breakout ที่อาจเกิดขึ้น นักลงทุนระยะยาวมีโอกาสในการสร้างสถานะการลงทุนบนพื้นฐานของปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและ Price Target ที่น่าสนใจ การใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสมจะเป็นกุญจาญสำคัญของความสำเร็จ
แนวโน้มในระยะสั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของราคาในการทะลุผ่านระดับแนวต้านที่ 208.95 ดอลลาร์ และรักษาตัวเหนือระดับแนวรับที่ 205 ดอลลาร์ การเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญและผลการประชุมธนาคารกลางจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทาง ในระยะกลาง การทะลุระดับ 212.35 ดอลลาร์จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจเปิดทางสู่การทดสอบเป้าหมายที่สูงขึ้น ระยะยาวยังคงมีแนวโน้มเชิงบวกที่สนับสนุนโดยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
ปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในสัปดาห์ข้างหน้าประกอบด้วยการเผยแพร่ข้อมูล Non-Farm Payrolls การเคลื่อนไหวของดัชนี VIX และดัชนีดอลลาร์สหรัฐ การประกาศนโยบายจากธนาคารกลางสหรัฐฯ และพฤติกรรมของปริมาณการซื้อขายเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับสำคัญ การเตรียมความพร้อมสำหรับความผันผวนที่อาจเพิ่มขึ้นและการมีแผนการตอบสนองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ Amazon ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในภาคเทคโนโลยี ด้วยการผสมผสานระหว่างปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โอกาสทางเทคนิคที่น่าสนใจ และตำแหน่งการนำในอุตสาหกรรมคลาวด์คอมพิวติ้งและ Artificial Intelligence ความสำเร็จในการลงทุนจะขึ้นอยู่กับการเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม การจัดการความเสี่ยงอย่างมีระบบ และความอดทนในการรอคอยโอกาสที่เหมาะสม การรักษาความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์ตามการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุนได้อย่างยั่งยืน
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อการศึกษาและเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำการลงทุนโดยตรง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน