หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
คู่เงิน AUDUSD กำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2025 ท่ามกลางความผันผวนที่เพิ่มขึ้นของตลาดการเงินโลก โดยราคาปัจจุบันอยู่ใกล้ระดับ 0.6487 หลังจากการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากระดับต่ำสุดของปีที่ 0.5955 ในเดือนเมษายน 2025 การเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญทั้งจากด้านนโยบายการเงินและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลก
สัปดาห์นี้ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทิศทางของคู่เงิน AUDUSD เนื่องจากมีเหตุการณ์สำคัญหลายประการที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของราคา การประชุมคณะกรรมการตลาดเปิดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันพุธที่ 18 มิถุนายน 2025 จะเป็นจุดสำคัญที่ตลาดรอคอยสำหรับการชี้แนะทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต ขณะเดียวกัน ข้อมูลการจ้างงานของออสเตรเลียที่จะประกาศในวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2025 ก็จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA)
ในสภาพแวดล้อมตลาดปัจจุบัน การวิเคราะห์คู่เงิน AUDUSD ต้องอาศัยแนวทางที่ครอบคลุมและหลากหลายมิติมากกว่าที่เคย เนื่องจากปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคามีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด การวิเคราะห์แบบองค์รวมที่ผสานการวิเคราะห์พื้นฐาน การวิเคราะห์เทคนิค และการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตลาดจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำความเข้าใจภาพรวมที่แท้จริงของตลาด
ความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และดอลลาร์ออสเตรเลียไม่อาจมองข้ามได้ เนื่องจากออสเตรเลียเป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ของโลก โดยสินค้าโภคภัณฑ์คิดเป็นสัดส่วน 66% ของรายได้ส่งออกทั้งหมดของประเทศ ความสัมพันธ์เชิงบวกที่แข็งแกร่งระหว่างราคาแร่เหล็กและ AUD ที่มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อยู่ที่ 0.75 แสดงให้เห็นถึงผลกระทบโดยตรงที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีต่อค่าเงินออสเตรเลีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อแร่เหล็กออสเตรเลียถึง 84.3% ของปริมาณทั้งหมด
นอกจากนี้ บรรยากาศของตลาดโลกในปัจจุบันยังได้รับอิทธิพลจากปัจจัยความเสี่ยงหลายประการ รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนแปลงของ Market Sentiment ที่สะท้อนผ่านดัชนีความผันผวน VIX ที่อยู่ในระดับ 19.11 ซึ่งบ่งชี้ถึงความกังวลในระดับปานกลางของนักลงทุน ปัจจัยเหล่านี้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อดอลลาร์ออสเตรเลียในฐานะสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูง
การวิเคราะห์ในบทความนี้จะนำเสนอมุมมองที่ครอบคลุมทุกมิติของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อคู่เงิน AUDUSD โดยเริ่มจากการศึกษาปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีผลกระทบสูงในระยะใกล้ การวิเคราะห์โครงสร้างเทคนิคในหลายระยะเวลา การประเมินระดับ Support และ Resistance ที่สำคัญ ไปจนถึงการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์สำหรับนักลงทุนและผู้ซื้อขายที่มีรูปแบบการลงทุนแตกต่างกัน ทั้งหมดนี้เพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับการตัดสินใจในการซื้อขายคู่เงิน AUDUSD อย่างมีประสิทธิภาพ
สัปดาห์ที่ 16-21 มิถุนายน 2025 นับเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับการกำหนดทิศทางของคู่เงิน AUDUSD ในระยะข้างหน้า เนื่องจากมีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการประกาศนโยบายที่สำคัญหลายประการที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์สหรัฐ การวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้จำเป็นต้องพิจารณาทั้งผลกระทบในระยะสั้นและแนวโน้มในระยะยาวที่อาจเกิดขึ้น
การประชุมคณะกรรมการตลาดเปิดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันพุธที่ 18 มิถุนายน 2025 ถือเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับตลาดการเงินโลกในสัปดาห์นี้ ตลาดในปัจจุบันมีความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25%-4.50% ตามที่ได้ดำรงไว้ตั้งแต่การประชุมในเดือนมีนาคมและพฤษภาคม 2025 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตลาดให้ความสำคัญมากกว่าการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้คือการประกาศ Summary of Economic Projections และ “dot plot” ที่จะแสดงให้เห็นแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวลล์ ได้ให้สัญญาณว่าการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยจะต้องอาศัยข้อมูลเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีและการค้าระหว่างประเทศ ตลาดปัจจุบันคาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2025 ตามด้วยการปรับลดอีกหลายครั้งตลอดปี 2026 หากการประชุม FOMC ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงท่าทีที่เข้มงวดมากกว่าที่ตลาดคาดหวัง อาจส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นและสร้างแรงกดดันต่อคู่เงิน AUDUSD
ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐอเมริกาที่แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องการเกิด stagflation และผลกระทบจากนโยบายภาษีที่อาจกระตุ้นเงินเฟ้อในระยะยาวยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องรักษาความระมัดระวังในการปรับนโยบายการเงิน
ข้อมูลการจ้างงานของออสเตรเลียที่จะประกาศในวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2025 เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่จะมีผลกระทบโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของดอลลาร์ออสเตรเลีย ตลาดคาดการณ์ว่าจำนวนงานใหม่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 20,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานคาดว่าจะคงที่ที่ระดับ 4.1% ข้อมูลการจ้างงานในเดือนเมษายนแสดงความแข็งแกร่งที่เกินคาดการณ์ โดยมีการเพิ่มขึ้นของจำนวนงานใหม่ถึง 89,000 ตำแหน่ง เกินกว่าคาดการณ์ที่ 25,000 ตำแหน่ง
ธนาคารกลางออสเตรเลียได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 3.85% ในเดือนพฤษภาคม 2025 โดยมีเหตุผลหลักมาจากความมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลงและอยู่ในกรอบเป้าหมาย 2-3% ของธนาคารกลาง หากข้อมูลการจ้างงานในเดือนพฤษภาคมยังคงแสดงความแข็งแกร่ง อาจทำให้ธนาคารกลางออสเตรเลียชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไป ในทางกลับกัน หากข้อมูลการจ้างงานอ่อนแอกว่าคาดการณ์ อาจเพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางออสเตรเลียจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2025 ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ตลาดแรงงานออสเตรเลียในปัจจุบันยังคงมีความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับมาตรฐานประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบางประการที่แสดงถึงการชะลอตัวเล็กน้อย โดยเฉพาะในภาคการบริการและการค้าปลีก ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางออสเตรเลียในการประชุมครั้งถัดไปที่กำหนดไว้ในวันที่ 8 กรกฎาคม 2025
ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา (Interest Rate Differential) เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของคู่เงิน AUDUSD ในปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกาที่ 4.25%-4.50% เทียบกับออสเตรเลียที่ 3.85% สร้างช่องว่างประมาณ 0.40-0.65% ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนดอลลาร์สหรัฐ หากธนาคารกลางสหรัฐฯ รักษาท่าทีที่เข้มงวดและชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลียมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ช่องว่างดังกล่าวอาจขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย
นอกจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยแล้ว ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของทั้งสองประเทศก็มีบทบาทสำคัญในการกำหนดการไหลของเงินทุนระหว่างประเทศ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาวที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับออสเตรเลียทำให้เกิดแรงจูงใจสำหรับนักลงทุนในการลงทุนในสินทรัพย์ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่งผลเสียต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย
บรรยากาศตลาดโลกในปัจจุบันได้รับอิทธิพลจากปัจจัยความเสี่ยงหลายประการที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงอย่างดอลลาร์ออสเตรเลีย ดัชนีความผันผวน VIX ที่อยู่ในระดับ 19.11 แสดงให้เห็นถึงความกังวลในระดับปานกลางของนักลงทุน แม้ว่าจะลดลงจากระดับ 20.82 ในวันก่อนหน้า แต่ยังคงสูงกว่าระดับเดียวกันของปีที่แล้วอย่างมีนัยสำคัญ
ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิหร่านและอิสราเอลยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลก การประกาศของอิหร่านเกี่ยวกับแผนการสร้างโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมใหม่และการตอบโต้ทางทหารจากอิสราเอลได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 10% และราคาทองคำพุ่งสูงเหนือระดับ 3,400 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนแสวงหาสินทรัพย์ปลอดภัย สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลเสียต่อความเต็มใจในการรับความเสี่ยงของนักลงทุน ซึ่งกระทบโดยตรงต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย
นโยบายการค้าและภาษีของรัฐบาลสหรัฐอเมริกายังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สร้างความไม่แน่นอนในตลาด การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนถึง 145% และมาตรการตอบโต้จากรัฐบาลจีนได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการค้าโลกและการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนหรือการลดลงของการค้าระหว่างจีนและออสเตรเลียจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อดอลลาร์ออสเตรเลียผ่านช่องทางการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์
สถานการณ์เงินฝืดในจีนที่ดัชนีราคาผู้บริโภคลดลง 0.1% เป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันและการหดตัวของดัชนีราคาผู้ผลิตถึง -3.3% ยิ่งเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงสำหรับความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์จากจีน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจออสเตรเลียและดอลลาร์ออสเตรเลียในระยะข้างหน้า
การวิเคราะห์โครงสร้างราคาของคู่เงิน AUDUSD ในปัจจุบันต้องอาศัยการศึกษาข้อมูลจากหลายระยะเวลาเพื่อให้ได้ภาพรวมที่ครอบคลุมและแม่นยำ การเคลื่อนไหวของราคาในแต่ละ timeframe สะท้อนถึงแรงซื้อและแรงขายในมุมมองที่แตกต่างกัน ตั้งแต่นักลงทุนระยะยาวไปจนถึงผู้ซื้อขายระยะสั้น การวิเคราะห์เทคนิคที่มีประสิทธิภาพจึงต้องผสานข้อมูลจากทุกระยะเวลาเข้าด้วยกัน
โครงสร้างราคาในระยะยาวของคู่เงิน AUDUSD แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากระดับต่ำสุดของปีที่ 0.5914 ในช่วงต้นปี 2025 ราคาปัจจุบันที่ 0.6540 สะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 pips ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญในระยะยาวของตลาดการเงิน
การวิเคราะห์ Moving Averages ในระยะยาวแสดงให้เห็นถึงสัญญาณเชิงบวกที่ชัดเจน ราคาปัจจุบันอยู่เหนือ Moving Average ทุกระยะเวลาสำคัญ โดยอยู่เหนือ SMA 20 ที่ระดับ 0.6479 เหนือ SMA 50 ที่ระดับ 0.6425 และที่สำคัญคืออยู่เหนือ SMA 200 ที่ระดับ 0.6430 ซึ่งถือเป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มระยะยาวที่สำคัญที่สุด การที่ราคาสามารถรักษาตำแหน่งเหนือ SMA 200 ได้อย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งและแนวโน้มขาขึ้นที่มั่นคง
ช่วง 90 วันที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงการซื้อขายในช่วงกว้างถึง 637.9 pips ระหว่างระดับสูงสุดที่ 0.6552 และต่ำสุดที่ 0.5914 การวิเคราะห์ระดับ Fibonacci Retracement จากการเคลื่อนไหวขาขึ้นหลักแสดงให้เห็นว่าราคาปัจจุบันอยู่ใกล้กับระดับ 78.6% ของการฟื้นตัวเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มขาขึ้น
โครงสร้างของ Higher Highs และ Higher Lows ยังคงสมบูรณ์ในกรอบเวลารายวัน โดยจุดสูงล่าสุดที่ระดับ 0.6552 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2025 สูงกว่าจุดสูงก่อนหน้าอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันจุดต่ำของการปรับฐานยังคงอยู่เหนือระดับสำคัญ ซึ่งยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว
การวิเคราะห์ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมงแสดงให้เห็นถึงโมเมนตัมที่ยังคงเป็นบวกแต่เริ่มมีสัญญาณการชะลอตัว ดัชนี RSI ในกรอบเวลา H4 อยู่ที่ระดับ 61.08 ซึ่งอยู่เหนือเส้นกึ่งกลางที่ 50 และแสดงถึงแรงซื้อที่ยังคงมีอยู่ อย่างไรก็ตาม ระดับดังกล่าวยังไม่ถึงขั้น overbought ที่ 70 ซึ่งบ่งชี้ว่ายังมีพื้นที่สำหรับการเพิ่มขึ้นเพิ่มเติม
ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง ดัชนี RSI อยู่ที่ระดับ 65.50 ซึ่งสูงกว่าในกรอบเวลา H4 และแสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่เข้มข้นขึ้นในระยะสั้น การที่ RSI ในกรอบเวลาสั้นสูงกว่ากรอบเวลายาวเป็นสัญญาณของการเร่งตัวของโมเมนตัมขาขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการเตือนให้ระวังการปรับฐานในระยะสั้น
โครงสร้างราคาในกรอบเวลา H4 แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของ ascending triangle pattern โดยมีแนวต้านแนวนอนที่ระดับ 0.6552 และแนวรับที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ การทะลุแนวต้านดังกล่าวจะเป็นสัญญาณสำคัญสำหรับการเคลื่อนตัวขึ้นสู่เป้าหมายถัดไป ในขณะที่การหลุดแนวรับอาจนำไปสู่การทดสอบระดับ support สำคัญในระดับที่ต่ำลง
การวิเคราะห์ Volume Profile ในกรอบเวลา H4 แสดงให้เห็นถึงการสะสม volume ที่สำคัญในช่วงราคา 0.6480-0.6520 ซึ่งเป็นโซนที่อาจให้การรองรับที่แข็งแกร่งหากเกิดการปรับฐาน โซนนี้สอดคล้องกับระดับ Moving Average สำคัญและ Fibonacci levels ที่คำนวณจากการเคลื่อนไหวล่าสุด
การวิเคราะห์ในกรอบเวลาระยะสั้นเผยให้เห็นถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่งซึ่งสะท้อนผ่านตัวชี้วัดเทคนิคหลายตัว ในกรอบเวลา 30 นาที ดัชนี RSI อยู่ที่ระดับ 68.57 ซึ่งเข้าใกล้เขต overbought แต่ยังไม่ถึงระดับที่ต้องเป็นห่วงอย่างจริงจัง ระดับดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่เข้มข้นในระยะสั้นและสอดคล้องกับการเคลื่อนตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคา
ในกรอบเวลา 15 นาที ดัชนี RSI อยู่ที่ระดับ 65.09 ซึ่งแม้จะต่ำกว่าในกรอบเวลา M30 เล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในเขตที่แสดงถึงแรงซื้อที่มีนัยสำคัญ การที่ RSI ในกรอบเวลาต่างๆ อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันแสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องของโมเมนตัมขาขึ้นข้ามหลายระยะเวลา ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับการดำรงแนวโน้มในระยะต่อไป
โครงสร้างราคาในกรอบเวลาระยะสั้นแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของ micro uptrend ที่มีความชัดเจน โดยมีการสร้าง higher highs และ higher lows อย่างต่อเนื่อง ราคาสามารถรักษาตำแหน่งเหนือ Moving Average ระยะสั้นได้อย่างมั่นคง และแสดงให้เห็นถึงการควบคุมของแรงซื้อในระดับ intraday
การวิเคราะห์ Stochastic Oscillator ในกรอบเวลาระยะสั้นแสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่น่าสนใจ โดยทั้ง %K และ %D lines อยู่ในระดับที่สะท้อนถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่ง แต่ยังไม่ถึงระดับ extreme overbought ที่อาจนำไปสู่การปรับฐานในทันที ลักษณะดังกล่าวเปิดโอกาสสำหรับการเคลื่อนตัวขึ้นเพิ่มเติมในระยะสั้น
พฤติกรรมการซื้อขายในกรอบเวลา M5 แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาเปิดตลาดเอเชียและยุโรป การเพิ่มขึ้นของ volume ในช่วงการทะลุระดับความต้านทานสำคัญแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของนักลงทุนและความน่าจะเป็นของการดำรงแนวโน้มขาขึ้น
จากการวิเคราะห์โครงสร้างราคาข้ามหลายกรอบเวลา คู่เงิน AUDUSD แสดงให้เห็นถึงสัญญาณเชิงบวกที่สอดคล้องกันในทุกระยะเวลา ตั้งแต่แนวโน้มขาขึ้นระยะยาวที่ยืนยันผ่านการอยู่เหนือ Moving Average สำคัญทุกเส้น ไปจนถึงโมเมนตัมระยะสั้นที่แสดงผ่านตัวชี้วัด RSI และ Stochastic ที่อยู่ในระดับสนับสนุนการเคลื่อนตัวขึ้น
ความแข็งแกร่งของโครงสร้างเทคนิคปัจจุบันสนับสนุนสถานการณ์ที่ราคามีแนวโน้มจะทดสอบและอาจทะลุระดับแนวต้านสำคัญที่ 0.6552 ในระยะข้างหน้า การทะลุระดับดังกล่าวจะเปิดโอกาสสำหรับการเคลื่อนตัวไปยังเป้าหมายที่สูงขึ้นในระดับ 0.6687 และ 0.6942 ตามที่การวิเคราะห์เทคนิคระยะยาวชี้ให้เห็น
อย่างไรก็ตาม ระดับ RSI ที่เพิ่มขึ้นในกรอบเวลาระยะสั้นเป็นสัญญาณเตือนให้เฝ้าระวังความเป็นไปได้ของการปรับฐานเทคนิคในระยะสั้น โดยเฉพาะหากมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของตลาด การปรับฐานดังกล่าวอาจพบการรองรับที่แข็งแกร่งในระดับ SMA 20 ที่ 0.6479 และ SMA 50 ที่ 0.6425 ซึ่งสอดคล้องกับแนวรับเทคนิคสำคัญที่ระบุได้จากการวิเคราะห์ในหลายกรอบเวลา
การยืนยันของสัญญาณขาขึ้นข้ามหลายกรอบเวลาทำให้เกิดความมั่นใจในแนวโน้มโดยรวม และสนับสนุนมุมมองที่ว่าคู่เงิน AUDUSD มีโอกาสดีที่จะดำรงแนวโน้มเชิงบวกต่อไปในระยะข้างหน้า หากไม่มีปัจจัยภายนอกที่สำคัญมาเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของตลาด
การระบุและวิเคราะห์ระดับแนวต้านที่สำคัญเป็นองค์ประกอบหลักของการวางแผนกลยุทธ์การซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ สำหรับคู่เงิน AUDUSD ในสภาพตลาดปัจจุบัน การทำความเข้าใจระดับแนวต้านในแต่ละช่วงเวลาจะช่วยให้นักลงทุนสามารถกำหนดเป้าหมายการทำกำไรและจุดออกจากตำแหน่งได้อย่างเหมาะสม โดยระดับแนวต้านเหล่านี้ได้รับการยืนยันจากการวิเคราะห์เทคนิคหลายมิติและมีความสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคาในระยะข้างหน้า
ระดับแนวต้านระยะสั้นที่สำคัญที่สุดสำหรับคู่เงิน AUDUSD ในปัจจุบันคือโซน 0.6550-0.6600 ซึ่งมีความสำคัญทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวและโครงสร้างเทคนิคปัจจุบัน ระดับ 0.6551 ถือเป็นจุดสูงสุดของปี 2025 ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวต้านทางจิตวิทยาที่แข็งแกร่งและเป็นเป้าหมายในการทะลุของนักลงทุนขาขึ้น
การวิเคราะห์โครงสร้างราคาในบริเวณนี้แสดงให้เห็นถึงการสะสมของแรงขายที่มีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นระดับที่นักลงทุนระยะกลางและระยะยาวที่ถือตำแหน่งมานานอาจเลือกที่จะปิดตำแหน่งเพื่อรับกำไร การทดสอบระดับนี้ในครั้งแรกอาจเผชิญกับแรงต้านที่แข็งแกร่ง แต่หากราคาสามารถปิดเหนือระดับ 0.6551 ได้อย่างมั่นคงในกรอบเวลารายวัน จะเป็นสัญญาณสำคัญของการเริ่มต้นขาขึ้นใหม่
ระดับ 0.6575 ถือเป็นเป้าหมายกลางของโซนนี้ ซึ่งคำนวณจากการประยุกต์หลักการ Fibonacci Extension จากการเคลื่อนไหวล่าสุด ระดับนี้สอดคล้องกับการฉายภาพของความยาวของคลื่นขาขึ้นก่อนหน้า และมักเป็นระดับที่นักลงทุนเทคนิคให้ความสำคัญในการวางแผนการซื้อขาย การที่ราคาสามารถทะลุและรักษาตำแหน่งเหนือระดับนี้ได้จะเป็นการยืนยันความแข็งแกร่งของโมเมนตัมขาขึ้น
ระดับบนสุดของโซนที่ 0.6600 มีความสำคัญในฐานะระดับจิตวิทยาที่สำคัญ การที่ราคาสามารถเคลื่อนตัวเข้าสู่โซน 0.66 handle ได้จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนขาขึ้นและอาจนำไปสู่การเข้าซื้อเพิ่มเติมจากนักลงทุนที่ยังคอยจังหวะ ขณะเดียวกัน ระดับนี้อาจเป็นจุดที่นักลงทุนระยะสั้นเลือกที่จะปิดตำแหน่งเพื่อรับกำไรจากการเคลื่อนไหวขาขึ้นที่ผ่านมา
การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายในบริเวณนี้แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาเข้าใกล้ระดับสูงสุดของปี การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายในการทดสอบแนวต้านจะเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของนักลงทุนในการผลักดันราคาให้ทะลุระดับสำคัญนี้
เมื่อคู่เงิน AUDUSD สามารถทะลุโซนแนวต้านระยะสั้นได้สำเร็จ เป้าหมายถัดไปจะเป็นโซนแนวต้านระยะกลางที่ 0.6687-0.6700 ซึ่งได้รับการคำนวณจากการวิเคราะห์หลายวิธี รวมถึง Fibonacci Extension และการฉายภาพของรูปแบบเทคนิคที่เกิดขึ้นในระยะที่ผ่านมา ระดับ 0.6687 โดยเฉพาะมีความสำคัญเนื่องจากสอดคล้องกับการฉายภาพ 161.8% Fibonacci Extension จากการเคลื่อนไหวขาขึ้นหลักของปี 2025
โซนนี้มีลักษณะพิเศษเนื่องจากตั้งอยู่ในบริเวณที่ราคายังไม่เคยทดสอบมาเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้การคาดการณ์ปฏิกิริยาของตลาดมีความท้าทายมากขึ้น การที่ไม่มีประวัติการซื้อขายล่าสุดในระดับนี้อาจทำให้เกิดความผันผวนที่เพิ่มขึ้นเมื่อราคาเข้าใกล้ เนื่องจากนักลงทุนต้องการเวลาในการประเมินและปรับกลยุทธ์การซื้อขาย
การวิเคราะห์ตามหลักการ Elliott Wave แสดงให้เห็นว่าระดับ 0.6687 อาจเป็นเป้าหมายของคลื่นที่ 3 ในรูปแบบขาขึ้นใหญ่ หากการวิเคราะห์นี้ถูกต้อง การเข้าถึงระดับดังกล่าวจะตามมาด้วยการปรับฐานในระดับคลื่นที่ 4 ก่อนที่จะมีการเคลื่อนตัวขึ้นสู่เป้าหมายสุดท้ายในคลื่นที่ 5 ข้อมูลนี้มีความสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ใช้หลักการ Elliott Wave ในการวางแผนการซื้อขาย
ระดับ 0.6700 ถือเป็นจุดสิ้นสุดของโซนและเป็นระดับจิตวิทยาที่สำคัญอีกระดับหนึ่ง การที่ราคาสามารถเคลื่อนตัวเข้าสู่โซน 0.67 handle ได้จะส่งสัญญาณที่แข็งแกร่งถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดในระยะกลาง และอาจนำไปสู่การปรับเป้าหมายราคาจากสถาบันการเงินต่างๆ ที่อาจส่งผลดีต่อแนวโน้มในระยะยาว
การเตรียมพร้อมสำหรับการซื้อขายในโซนนี้ต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ของการเกิด false breakout เนื่องจากเป็นระดับที่นักลงทุนให้ความสำคัญสูง การใช้การยืนยันจากตัวชี้วัดเทคนิคหลายตัวและการรอให้ราคาปิดเหนือระดับสำคัญอย่างมั่นคงจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการลดความเสี่ยงในการซื้อขาย
เป้าหมายระยะยาวที่สำคัญที่สุดสำหรับคู่เงิน AUDUSD ในปัจจุบันคือระดับ 0.6942 ซึ่งได้รับการคำนวณจากการวิเคราะห์โครงสร้างราคาระยะยาวและการประยุกต์หลักการ Fibonacci Extension ขั้นสูง ระดับนี้สอดคล้องกับการฉายภาพ 261.8% Fibonacci Extension จากการเคลื่อนไหวขาขึ้นหลัก และถือเป็นเป้าหมายที่ท้าทายแต่สามารถบรรลุได้หากปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน
การเข้าถึงระดับ 0.6942 จะมีความหมายสำคัญในหลายแง่มุม ประการแรกคือการยืนยันการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดในระยะยาวจากแนวโน้มขาลงหรือการเคลื่อนไหวแบบ sideways ไปสู่แนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ประการที่สองคือการสร้างฐานสำหรับการเคลื่อนตัวขึ้นเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งอาจนำไปสู่การทดสอบระดับ 0.70 หรือสูงกว่า
การวิเคราะห์ตามมุมมองของ Long-term Trend Analysis แสดงให้เห็นว่าระดับ 0.6942 อยู่ในบริเวณที่สอดคล้องกับ Upper Bollinger Band ในกรอบเวลาราย สัปดาห์และรายเดือน หากราคาสามารถเข้าถึงและรักษาตำแหน่งใกล้ระดับนี้ได้ จะเป็นสัญญาณของความแข็งแกร่งที่ยกระดับและอาจนำไปสู่การขยายช่วงการซื้อขายในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงระดับนี้ต้องอาศัยการสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจออสเตรเลีย การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะแร่เหล็กและทองคำ และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินที่เอื้อต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย การขาดปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้อาจทำให้การเข้าถึงระดับดังกล่าวเป็นเพียงการทดสอบชั่วคราวแทนที่จะเป็นการสร้างฐานที่มั่นคง
เหนือระดับ 0.6942 เป้าหมายถัดไปจะเป็นโซนจิตวิทยาที่ 0.7000 ซึ่งเป็นระดับที่มีความสำคัญสูงในแง่ของการรับรู้ของตลาด การที่คู่เงิน AUDUSD สามารถเคลื่อนตัวกลับเข้าสู่โซน 0.70 handle ได้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่อาจส่งผลต่อมุมมองระยะยาวของนักลงทุนและสถาบันการเงินต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย
การวิเคราะห์ระดับแนวต้านสำคัญของคู่เงิน AUDUSD แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างที่ชัดเจนและมีการไล่ระดับที่เหมาะสมสำหรับการวางแผนกลยุทธ์การซื้อขายในระยะเวลาต่างๆ การแบ่งระดับแนวต้านออกเป็นสามกลุมหลักช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับแผนการซื้อขายให้เหมาะสมกับระยะเวลาการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น โซน 0.6550-0.6600 ถือเป็นจุดสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การทะลุโซนนี้ได้สำเร็จจะเป็นสัญญาณสำคัญสำหรับการเปิดตำแหน่งขาขึ้น ในขณะที่การปฏิเสธจากระดับนี้อาจนำไปสู่การปรับฐานที่ให้โอกาสสำหรับการเข้าซื้อในราคาที่ดีกว่า
นักลงทุนระยะกลางควรให้ความสำคัญกับโซน 0.6687-0.6700 เป็นหลัก โดยการเข้าถึงระดับนี้จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นและเปิดโอกาสสำหรับการทำกำไรที่มีนัยสำคัญ การใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบ scale-in เมื่อราคาเข้าใกล้โซนนี้อาจเป็นแนวทางที่เหมาะสม
สำหรับมุมมองระยะยาว ระดับ 0.6942 และสูงกว่าถือเป็นเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดในระยะยาว การบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ต้องอาศัยการสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและการดำรงความสอดคล้องของแนวโน้มขาขึ้นในระยะเวลาที่ยาวนาน
ความสำเร็จในการทะลุแนวต้านแต่ละระดับจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงการสนับสนุนจากปริมาณการซื้อขาย การยืนยันจากตัวชี้วัดเทคนิค และที่สำคัญคือการสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่เอื้ออำนวยต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย การติดตามปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิดจึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการประเมินความน่าจะเป็นของการทะลุแนวต้านแต่ละระดับ
การระบุและทำความเข้าใจระดับแนวรับที่สำคัญเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้สำหรับการบริหารความเสี่ยงในการซื้อขายคู่เงิน AUDUSD อย่างมีประสิทธิภาพ ระดับแนวรับเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเครือข่ายความปลอดภัยสำหรับนักลงทุนที่ถือตำแหน่งขาขึ้น และเป็นโอกาสสำหรับการเข้าซื้อเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เข้าตลาด การวิเคราะห์แนวรับที่ครอบคลุมจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการจัดการตำแหน่งและกำหนดระดับ stop-loss ที่เหมาะสมได้
โซนแนวรับใกล้เคียงที่สำคัญที่สุดสำหรับคู่เงิน AUDUSD ในสถานการณ์ปัจจุบันคือช่วง 0.6475-0.6429 ซึ่งมีความสำคัญทั้งในแง่ของการสนับสนุนทางเทคนิคและจิตวิทยาของตลาด ระดับ 0.6475 ได้รับการระบุจากการวิเคราะห์เทคนิคว่าเป็นระดับที่ราคาอาจปรับฐานลงมาทดสอบก่อนการฟื้นตัวต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์หลายสถาบันที่มองว่าเป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ
ความสำคัญของระดับ 0.6475 เกิดจากการที่เป็นจุดบรรจบของหลายปัจจัยทางเทคนิค ประการแรกคือการเป็นระดับที่สอดคล้องกับการ retracement 38.2% ของการเคลื่อนไหวขาขึ้นล่าสุด ซึ่งเป็นระดับที่นักลงทุนเทคนิคมักให้ความสำคัญในการหาจุดเข้าซื้อ ประการที่สองคือการสอดคล้องกับ SMA 20 ในกรอบเวลารายวันที่ระดับ 0.6479 ซึ่งทำหน้าที่เป็น dynamic support ที่เคลื่อนไหวตามราคา
การทดสอบระดับ 0.6475 ในครั้งแรกมักจะได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนที่รอคอยโอกาสในการเข้าซื้อในราคาที่ดีกว่า การที่ราคาสามารถรีบาวด์จากระดับนี้ได้อย่างรวดเร็วจะเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มขาขึ้น ในทางกลับกัน การที่ราคาใช้เวลานานในการพักอยู่ใกล้ระดับนี้อาจบ่งชี้ถึงความไม่แน่นอนในระยะสั้น
ระดับที่สำคัญที่สุดในโซนนี้คือ 0.6429 ซึ่งสอดคล้องกับ Moving Average 200 วันที่มีความสำคัญสูงในการกำหนดแนวโน้มระยะยาว ระดับนี้ถือเป็นเส้นแบ่งระหว่างตลาดแกว่งตัวและตลาดขาขึ้นในมุมมองของนักลงทุนระยะยาว การที่ราคาสามารถรักษาตำแหน่งเหนือ MA 200 ได้อย่างต่อเนื่องเป็นสัญญาณสำคัญของแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ในขณะที่การหลุดลงไปต่ำกว่าระดับนี้อาจนำไปสู่การทบทวนมุมมองระยะยาว
การเตรียมพร้อมสำหรับการซื้อขายในโซนนี้ต้องคำนึงถึงบริบทของตลาดโดยรวม หากการปรับฐานลงมายังโซนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ลดลงและไม่มีข่าวลบที่สำคัญ จะเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แสดงถึงการปรับฐานเทคนิคปกติ ในทางตรงกันข้าม หากการปรับฐานเกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและข่าวลบ อาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างตลาด
เมื่อแรงขายมีความเข้มข้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้และราคาหลุดลงมาจากโซนแนวรับใกล้เคียง เป้าหมายถัดไปของการปรับฐานจะเป็นโซนแนวรับระยะกลางที่ 0.6392-0.6344 ซึ่งมีความสำคัญในหลายมิติของการวิเคราะห์เทคนิค โซนนี้ได้รับการยืนยันจากการวิเคราะห์ทั้งในแง่ของ Moving Average และการคำนวณ Fibonacci Retracement จากการเคลื่อนไหวขาขึ้นหลัก
ระดับ 0.6392 มีความสำคัญเนื่องจากสอดคล้องกับการ retracement 50% ของการเคลื่อนไหวขาขึ้นจากระดับต่ำสุดของปี ระดับ 50% Fibonacci Retracement มักได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนเทคนิคเนื่องจากเป็นจุดสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขาย การทดสอบระดับนี้จะเป็นการทดสอบความมุ่งมั่นของนักลงทุนขาขึ้นในการปกป้องผลกำไรที่ได้รับมา
การวิเคราะห์โครงสร้างราคาในบริเวณนี้แสดงให้เห็นถึงการมีอยู่ของ demand zone ที่มีความหนาแน่นสูง เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีการซื้อขายที่เข้มข้นในช่วงที่ราคาเคลื่อนตัวขึ้นมาครั้งแรก การกลับมาทดสอบบริเวณนี้อาจเผชิญกับแรงซื้อที่แข็งแกร่งจากนักลงทุนที่พลาดโอกาสในการเข้าซื้อในครั้งแรก ขณะเดียวกัน นักลงทุนที่ถือตำแหน่งขาขึ้นอาจเลือกที่จะเพิ่มตำแหน่งในระดับราคาที่น่าสนใจนี้
ระดับ 0.6344 ถือเป็นขอบล่างของโซนและมีความสำคัญในฐานะระดับที่หากหลุดลงไปจะส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของแนวโน้มขาขึ้น ระดับนี้สอดคล้องกับการ retracement 61.8% ซึ่งเป็นระดับ golden ratio ที่มีความสำคัญสูงในการวิเคราะห์ Fibonacci การหลุดลงไปต่ำกว่าระดับนี้อย่างมีนัยสำคัญอาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างตลาดจากขาขึ้นเป็นการเคลื่อนไหวแบบ sideways หรือแม้กระทั่งการเริ่มต้นของแนวโน้มขาลง
การประเมินความเป็นไปได้ของการรีบาวด์จากโซนนี้ต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการ ประการแรกคือสภาพแวดล้อมของตลาดโลกและ risk sentiment ที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงอย่าง AUD ประการที่สองคือสถานะของปัจจัยพื้นฐานโดยเฉพาะราคาสินค้าโภคภัณฑ์และความสัมพันธ์การค้ากับจีน ประการที่สามคือการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการเงินที่อาจส่งผลต่อความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา
ระดับแนวรับระยะยาวที่สำคัญที่สุดสำหรับคู่เงิน AUDUSD ในปัจจุบันคือบริเวณ 0.5955 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของปี 2025 ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน ระดับนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวครั้งปัจจุบัน และถือเป็นเส้นแบ่งระหว่างการดำรงอยู่ของแนวโน้มขาขึ้นกับการพังทลายของโครงสร้างเชิงบวก การกลับลงไปทดสอบระดับนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่มีนัยสำคัญต่อมุมมองระยะยาวของตลาด
ความสำคัญของระดับ 0.5955 ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในแง่ของการเป็นจุดต่ำสุดของปีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริบททางประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นระดับที่ตลาดเคยให้ความสำคัญมาก่อน การวิเคราะห์ historical price action แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้เคยทำหน้าที่เป็นทั้งแนวรับและแนวต้านในอดีต ซึ่งเป็นลักษณะของ significant level ที่มีความน่าเชื่อถือสูง
การทดสอบระดับ 0.5955 อีกครั้งจะเป็นการทดสอบความมุ่งมั่นของนักลงทุนขาขึ้นอย่างแท้จริง หากระดับนี้สามารถให้การรองรับที่แข็งแกร่งและราคาสามารถรีบาวด์ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว จะเป็นการยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มขาขึ้นและอาจนำไปสู่การเคลื่อนตัวขึ้นที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ในทางตรงกันข้าม การหลุดลงไปต่ำกว่าระดับนี้อย่างมีนัยสำคัญจะส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดที่สำคัญ
ต่ำกว่าระดับ 0.5955 เป้าหมายถัดไปจะเป็นโซนแนวรับทางประวัติศาสตร์ที่ระดับ 0.5800-0.5850 ซึ่งเป็นบริเวณที่ราคาเคยหาพื้นมาแล้วในอดีต การเข้าถึงระดับนี้จะบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญของปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อมุมมองระยะยาวของดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งอาจรวมถึงการชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญของเศรษฐกิจออสเตรเลีย การลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินที่ส่งผลเสียต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย
การเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่ราคาอาจกลับลงไปทดสอบระดับแนวรับระยะยาวเหล่านี้ต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของ market regime ที่อาจเกิดขึ้น ในสภาพแวดล้อมที่มีความไม่แน่นอนสูงจากปัจจัยภายนอก การมีแผนการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุมสถานการณ์ต่างๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็น รวมถึงการกำหนดระดับ stop-loss ที่เหมาะสมและการปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป
การวิเคราะห์ระดับแนวรับสำคัญของคู่เงิน AUDUSD แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างการป้องกันที่มีความชัดเจนและสามารถนำไปใช้ในการวางแผนการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การแบ่งระดับแนวรับออกเป็นสามชั้นหลักช่วยให้นักลงทุนสามารถเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ต่างๆ และปรับกลยุทธ์การซื้อขายให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด
สำหรับนักลงทุนที่ถือตำแหน่งขาขึ้นในปัจจุบัน โซน 0.6475-0.6429 ถือเป็นระดับที่ควรติดตามอย่างใกล้ชิด การที่ราคาสามารถรักษาตำแหน่งเหนือโซนนี้ได้จะเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับการดำรงตำแหน่ง ในขณะที่การหลุดลงไปอาจเป็นสัญญาณให้พิจารณาการปรับลดตำแหน่งหรือการตั้ง stop-loss ที่เข้มงวดขึ้น
โซน 0.6392-0.6344 ถือเป็นบริเวณที่นักลงทุนระยะกลางควรให้ความสำคัญสูง การที่ราคาปรับฐานลงมาถึงระดับนี้จะเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับการเพิ่มตำแหน่งหรือการเข้าซื้อใหม่ หากปัจจัยพื้นฐานยังคงสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น การใช้กลยุทธ์การซื้อแบบ dollar-cost averaging ในโซนนี้อาจเป็นแนวทางที่เหมาะสม
สำหรับมุมมองระยะยาว ระดับ 0.5955 และต่ำกว่าถือเป็นเส้นแบ่งสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงลักษณะการลงทุนจากโอกาสในการทำกำไรเป็นการป้องกันทุน การหลุดลงไปต่ำกว่าระดับนี้จะต้องการการทบทวนสมมติฐานการลงทุนและการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมตลาดใหม่
ความสำเร็จในการใช้ประโยชน์จากระดับแนวรับเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการอ่านสัญญาณจากปัจจัยต่างๆ รวมถึงปริมาณการซื้อขาย การตอบสนองของตัวชี้วัดเทคนิค และที่สำคัญคือการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของตลาดต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย การรักษาความยืดหยุ่นในการปรับแผนการลงทุนตามสถานการณ์จึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการบรรลุความสำเร็จในการซื้อขายคู่เงิน AUDUSD ในระยะยาว
การทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐานที่มีอิทธิพลต่อคู่เงิน AUDUSD เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินทิศทางระยะยาวและคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ดอลลาร์ออสเตรเลียมีลักษณะเฉพาะในฐานะสกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้รับอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญจากปัจจัยหลายประการที่เชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน การวิเคราะห์เหล่านี้จะช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับแรงขับเคลื่อนหลักของการเคลื่อนไหวราคาและการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
ออสเตรเลียดำรงบทบาทสำคัญในฐานะผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ของโลก โดยสินค้าโภคภัณฑ์คิดเป็นสัดส่วนถึง 66% ของรายได้ส่งออกทั้งหมดของประเทศ มีมูลค่ารวม 455 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในปี 2023 ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นนี้ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีผลกระทบโดยตรงต่อค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียในระดับที่สำคัญ
แร่เหล็กถือเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญที่สุดของออสเตรเลีย คิดเป็น 24% ของการส่งออกทั้งหมด มีมูลค่า 119.9 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในปี 2025 ความสัมพันธ์ระหว่างราคาแร่เหล็กและดอลลาร์ออสเตรเลียมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์สูงถึง 0.75 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่ง การลดลงของราคาแร่เหล็ก 9.3% ในปี 2024 เหลือ 103.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันได้สร้างแรงกดดันต่อดอลลาร์ออสเตรเลียอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของราคาในช่วงต้นปี 2025 ได้ช่วยสนับสนุนการแข็งค่าของดอลลาร์ออสเตรเลีย
ทองคำมีบทบาทสำคัญเป็นอันดับสองในการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ของออสเตรเลีย โดยมีมูลค่า 23.7 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในปี 2025 ออสเตรเลียเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับสามของโลกรองจากจีนและรัสเซีย ความสัมพันธ์ระหว่างราคาทองคำและดอลลาร์ออสเตรเลียมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ที่ 0.68 การเพิ่มขึ้นของราคาทองคำถึง 22.95% ในปี 2025 ได้ให้การสนับสนุนที่สำคัญต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักลงทุนแสวงหาสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
ภาคพลังงานของออสเตรเลียมีความซับซ้อนมากกว่าสินค้าโภคภัณฑ์อื่น เนื่องจากประเทศเป็นทั้งผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิและผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลวรายใหญ่ การส่งออกน้ำมันและก๊าซมีมูลค่า 76.8 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่ก๊าซธรรมชาติเหลวเพียงอย่างเดียวมีมูลค่า 72.6 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในปี 2025 การเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานโดยทั่วไปสนับสนุนดอลลาร์ออสเตรเลียผ่านการเพิ่มรายได้จากการส่งออก แต่ขณะเดียวกันก็เพิ่มต้นทุนการผลิตในภาคอุตสาหกรรมอื่น โดยเฉพาะการขุดแร่
จีนมีบทบาทเป็นคู่ค้าหลักของออสเตรเลีย โดยเฉพาะในด้านการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ จีนรับซื้อแร่เหล็กจากออสเตรเลียถึง 84.3% ของปริมาณทั้งหมด ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นนี้ทำให้สุขภาพเศรษฐกิจของจีนมีผลกระทบโดยตรงต่อความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ออสเตรเลียและในที่สุดต่อค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย
สถานการณ์เศรษฐกิจจีนในปัจจุบันแสดงสัญญาณที่น่าเป็นห่วง ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนลดลง 0.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันที่เกิดภาวะเงินฝืด ขณะเดียวกันดัชนีราคาผู้ผลิตหดตัวลึกลงเป็น -3.3% สถานการณ์นี้สะท้อนถึงแรงกดดันในภาคการผลิตและความต้องการภายในประเทศที่อ่อนแอ ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการวัตถุดิบจากออสเตรเลียในระยะข้างหน้า
ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนได้สร้างความไม่แน่นอนเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจจีนและโดยส่วนขยายต่อออสเตรเลีย การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนถึง 145% โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและมาตรการตอบโต้จากจีนได้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลกและความเชื่อมั่นของนักลงทุน การที่ออสเตรเลียติดอยู่ระหว่างพันธมิตรด้านความมั่นคงอย่างสหรัฐอเมริกาและคู่ค้าเศรษฐกิจหลักอย่างจีนทำให้ต้องเผชิญกับความท้าทายในการนำทางนโยบายเศรษฐกิจและการค้า
อย่างไรก็ตาม มีความคืบหน้าเชิงบวกจากการเจรจาการค้าล่าสุดที่ลอนดอน ซึ่งจีนได้ตกลงที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดเกี่ยวกับแม่เหล็กและแร่หายาก ในขณะที่สหรัฐอเมริกาจะอำนวยความสะดวกให้นักศึกษาจีนเข้าถึงการศึกษา ความคืบหน้านี้แม้จะเป็นขั้นตอนเล็กๆ แต่ก็ส่งสัญญาณเชิงบวกที่อาจช่วยลดความตึงเครียดและสนับสนุนการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นในตลาด
นโยบายการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลียและธนาคารกลางสหรัฐอเมริกามีอิทธิพลสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของคู่เงิน AUDUSD ธนาคารกลางออสเตรเลียได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 3.85% ในเดือนพฤษภาคม 2025 โดยมีเหตุผลหลักจากความมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลงและอยู่ในกรอบเป้าหมาย 2-3% ของธนาคารกลาง นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางออสเตรเลียอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อยสองครั้งในปี 2025
ในทางตรงกันข้าม ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกายังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25%-4.50% ตามที่ได้ดำรงไว้ตั้งแต่การประชุมในเดือนมีนาคมและพฤษภาคม 2025 ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยที่ขยายตัวออกไประหว่างสองประเทศนี้สร้างแรงกดดันต่อดอลลาร์ออสเตรเลียเนื่องจากทำให้สินทรัพย์ดอลลาร์สหรัฐมีความน่าสนใจมากกว่าในแง่ของผลตอบแทน
การตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั้งสองแห่งได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมเงินเฟ้อที่แตกต่างกัน ออสเตรเลียมีอัตราเงินเฟ้อที่ควบคุมได้ดีกว่าและอยู่ในกรอบเป้าหมายของธนาคารกลาง ขณะที่สหรัฐอเมริกายังคงเผชิญกับความกังวลเรื่องการเกิดขึ้นของเงินเฟ้อจากนโยบายภาษีและการใช้จ่ายของรัฐบาล การที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต้องรักษาท่าทีที่เข้มงวดมากกว่าจึงเป็นปัจจัยที่สนับสนุนดอลลาร์สหรัฐในระยะกลาง
ตลาดแรงงานของทั้งสองประเทศก็มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายการเงิน ออสเตรเลียมีอัตราการว่างงานที่ 4.1% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่แสดงถึงการจ้างงานเต็มที่ แต่ไม่สร้างแรงกดดันเงินเฟ้อที่มากเกินไป สหรัฐอเมริกามีอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเป็น 4.2% ซึ่งยังคงอยู่ในระดับต่ำตามมาตรฐานประวัติศาสตร์แต่แสดงสัญญาณการชะลอตัวเล็กน้อย
สภาพแวดล้อมการลงทุนโลกในปัจจุบันมีความซับซ้อนและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนจากปัจจัยหลายประการที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงอย่างดอลลาร์ออสเตรเลีย ดัชนีความผันผวน VIX ที่อยู่ในระดับ 19.11 แสดงให้เห็นถึงความกังวลในระดับปานกลางของนักลงทุน แม้ว่าจะลดลงจากระดับ 20.82 ในวันก่อนหน้า แต่ยังคงสูงกว่าระดับเดียวกันของปีที่แล้วอย่างมีนัยสำคัญ
ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นแหล่งความไม่แน่นอนสำคัญ การประกาศของอิหร่านเกี่ยวกับแผนการสร้างโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมใหม่และการตอบโต้ทางทหารจากอิสราเอลได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 10% และราคาทองคำพุ่งสูงเหนือระดับ 3,400 ดอลลาร์ สถานการณ์นี้สร้างสภาพแวดล้อมที่นักลงทุนหันไปแสวงหาสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะส่งผลเสียต่อสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงอย่างดอลลาร์ออสเตรเลีย
นโยบายการค้าของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ได้สร้างความไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลก การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าแบบกว้างและการตอบโต้จากประเทศคู่ค้าหลักได้ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการเติบโตเศรษฐกิจโลกและอัตราเงินเฟ้อ ความไม่แน่นอนนี้ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนและการไหลของเงินทุนระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อคู่เงินหลักอย่าง AUDUSD
การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดก็เป็นปัจจัยระยะยาวที่มีความสำคัญต่อออสเตรเลีย การลดลงของความต้องการถ่านหินซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของออสเตรเลียอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ส่งออกในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียก็มีศักยภาพในการเป็นผู้ส่งออกแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เช่น ลิเธียม และแร่หายาก ซึ่งอาจชดเชยการลดลงของรายได้จากเชื้อเพลิงฟอสซิล
เงื่อนไขการค้าของออสเตรเลีย ซึ่งวัดอัตราส่วนระหว่างราคาส่งออกต่อราคานำเข้า มีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งมากกับดอลลาร์ออสเตรเลียโดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อยู่ที่ 0.855 เมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ส่งออกเพิ่มขึ้นเทียบกับราคาสินค้านำเข้า เงื่อนไขการค้าจะดีขึ้นและดอลลาร์ออสเตรเลียมักจะแข็งค่าขึ้นตาม การติดตามและคาดการณ์แนวโน้มของเงื่อนไขการค้าจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินทิศทางระยะกลางของดอลลาร์ออสเตรเลีย
การจัดทำแผนการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสำหรับคู่เงิน AUDUSD จำเป็นต้องคำนึงถึงรูปแบบการซื้อขายที่แตกต่างกันและระยะเวลาการลงทุนที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และระดับความเสี่ยงของนักลงทุนแต่ละประเภท การวิเคราะห์ที่ครอบคลุมในส่วนก่อนหน้าได้ให้ข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการกำหนดกลยุทธ์การซื้อขายที่เหมาะสม คำแนะนำในส่วนนี้จะถูกจัดหมวดหมู่ตามรูปแบบการซื้อขายเพื่อให้นักลงทุนสามารถเลือกใช้แนวทางที่สอดคล้องกับความต้องการและขีดความสามารถของตนเอง
การซื้อขายแบบ Scalping ต้องการความแม่นยำสูงและการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด สำหรับคู่เงิน AUDUSD ในสภาพตลาดปัจจุบัน นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์นี้ควรมุ่งเน้นไปที่กรอบเวลา M5 และ M15 เป็นหลัก โดยใช้ข้อมูลจาก M30 เป็นตัวยืนยันทิศทางโดยรวม
ระดับราคาสำคัญสำหรับการ Scalping ในระยะสั้นมาก ประกอบด้วยโซน 0.6520-0.6530 ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับระยะสั้น และโซน 0.6550-0.6560 ที่เป็นแนวต้านใกล้เคียง การเทรดในช่วงระหว่างระดับเหล่านี้สามารถให้โอกาสในการทำกำไรระยะสั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ตลาดมีสภาพคล่องสูง เช่น ช่วงเปิดตลาดยุโรปและอเมริกา
การใช้ตัวชี้วัด RSI ในกรอบเวลา M5 และ M15 เป็นเครื่องมือสำคัญในการหาจุดเข้าและออกตำแหน่ง เมื่อ RSI อยู่ต่ำกว่า 30 ในกรอบเวลา M5 พร้อมกับการที่ราคาเข้าใกล้แนวรับสำคัญ จะเป็นสัญญาณสำหรับการพิจารณาเข้าซื้อ ในทางตรงกันข้าม เมื่อ RSI เกิน 70 และราคาเข้าใกล้แนวต้าน จะเป็นโอกาสสำหรับการเข้าขาย
การบริหารความเสี่ยงสำหรับ Scalping ต้องการความเข้มงวดสูง โดยกำหนด stop-loss ที่ 15-25 pips และ take-profit ที่ 10-20 pips เพื่อรักษาอัตราส่วน risk-reward ที่เหมาะสม การใช้ position size ไม่เกิน 2-3% ของเงินทุนทั้งหมดต่อการเทรดหนึ่งครั้งจะช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุนอย่างมีนัยสำคัญ
นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์ Scalping ควรหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงเวลาที่มีการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ โดยเฉพาะการประชุม FOMC วันที่ 18 มิถุนายนและข้อมูลการจ้างงานออสเตรเลียวันที่ 19 มิถุนายน เนื่องจากความผันผวนที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้การคาดการณ์ทิศทางในระยะสั้นมีความยากขึ้น
การซื้อขายรายวันสำหรับคู่เงิน AUDUSD ในปัจจุบันควรใช้กรอบเวลา M30 และ H1 เป็นหลักในการวิเคราะห์ โดยอ้างอิงข้อมูลจาก H4 เพื่อทำความเข้าใจทิศทางและโมเมนตัมโดยรวม การที่ RSI ในกรอบเวลา H1 อยู่ที่ระดับ 65.50 และ M30 อยู่ที่ 68.57 แสดงให้เห็นถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่งซึ่งสนับสนุนกลยุทธ์การซื้อในการปรับฐาน
ระดับเป้าหมายสำหรับ Day Trading ในระยะสั้น ควรมุ่งเน้นไปที่การทะลุโซน 0.6551-0.6575 ซึ่งเป็นแนวต้านระยะสั้นที่สำคัญ การทะลุระดับนี้ได้สำเร็จจะเปิดโอกาสสำหรับเป้าหมายที่ 0.6600 ซึ่งจะให้กำไรประมาณ 40-50 pips จากระดับปัจจุบัน สำหรับแนวรับที่สำคัญ นักลงทุนควรติดตาม โซน 0.6475-0.6485 ซึ่งสอดคล้องกับ SMA 20 และเป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับการเข้าซื้อเพิ่มเติม
การใช้กลยุทธ์ breakout trading จะเหมาะสมในสภาพตลาดปัจจุบัน โดยรอให้ราคาทะลุเหนือระดับ 0.6551 พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น จากนั้นเข้าซื้อทันทีหลังการยืนยัน การตั้ง stop-loss ไว้ที่ 0.6520 จะให้ความเสี่ยงประมาณ 30-35 pips ขณะที่เป้าหมายที่ 0.6600 จะให้ผลตอบแทนประมาณ 45-50 pips ซึ่งสร้างอัตราส่วน risk-reward ที่น่าสนใจ
การติดตามข้อมูลข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Day Trading โดยเฉพาะการประกาศจาก FOMC และข้อมูลการจ้างงานออสเตรเลีย นักลงทุนควรเตรียมพร้อมสำหรับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นและอาจต้องปรับขนาดตำแหน่งให้เล็กลงในช่วงเวลาดังกล่าว การใช้ trailing stop ในการล็อคกำไรเมื่อราคาเคลื่อนไหวในทิศทางที่ต้องการก็เป็นเทคนิคที่มีประโยชน์
การซื้อขายแบบ Swing Trading สำหรับ AUDUSD ควรใช้กรอบเวลา H4 และ Daily เป็นหลักในการวิเคราะห์ แนวโน้มขาขึ้นระยะกลางที่ได้รับการยืนยันจากการที่ราคาอยู่เหนือ Moving Average สำคัญทุกเส้นในกรอบเวลารายวันสนับสนุนกลยุทธ์การถือตำแหน่งขาขึ้นในระยะกลาง
เป้าหมายหลักสำหรับ Swing Trading คือการเข้าถึงโซน 0.6687-0.6700 ซึ่งเป็นแนวต้านระยะกลางที่สำคัญ การบรรลุเป้าหมายนี้จะให้ผลตอบแทนประมาณ 130-160 pips จากระดับปัจจุบัน หากตลาดสามารถทะลุโซนนี้ได้ เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่ระดับ 0.6942 ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะยาวที่คำนวณจาก Fibonacci Extension
จุดเข้าตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับ Swing Trading คือการรอให้ราคาปรับฐานลงมายังโซนแนวรับ 0.6475-0.6429 ซึ่งครอบคลุมทั้ง SMA 20 และ SMA 200 การเข้าซื้อในโซนนี้จะให้อัตราส่วน risk-reward ที่น่าสนใจ โดยสามารถตั้ง stop-loss ไว้ที่ 0.6390 ซึ่งต่ำกว่า SMA 200 เล็กน้อย และมีเป้าหมายที่ 0.6687 เป็นอย่างต่ำ
การบริหารตำแหน่งสำหรับ Swing Trading ควรใช้แนวทางแบบ scale-in โดยเริ่มต้นด้วยการซื้อ 50% ของตำแหน่งที่ตั้งใจไว้เมื่อราคาเข้าสู่โซนเป้าหมาย จากนั้นเพิ่มอีก 30% หากราคาปรับฐานลงมาใกล้ SMA 200 และเพิ่มส่วนที่เหลืออีก 20% หากมีสัญญาณการรีบาวด์ที่ชัดเจน วิธีการนี้จะช่วยลดต้นทุนเฉลี่ยและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
นักลงทุน Swing Trading ควรให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานมากกว่าตัวชี้วัดเทคนิคระยะสั้น การติดตามความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะแร่เหล็กและทองคำ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจจากจีนและการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินจากทั้งสอง ธนาคารกลางจะมีผลกระทบมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของ RSI หรือ MACD ในระยะสั้น
การลงทุนระยะยาวในคู่เงิน AUDUSD ต้องอาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลักและใช้การวิเคราะห์เทคนิคเป็นเครื่องมือสำหรับการกำหนดจุดเข้าออกตำแหน่งที่เหมาะสม กรอบเวลา Daily และ Weekly เป็นกรอบเวลาหลักที่ควรใช้ในการวิเคราะห์ แนวโน้มขาขึ้นระยะยาวที่ได้รับการยืนยันจากการฟื้นตัวกว่า 1,000 pips จากระดับต่ำสุดของปีสนับสนุนมุมมองเชิงบวกในระยะยาว
เป้าหมายระยะยาวสำหรับ Position Trading คือการเข้าถึงระดับ 0.6942 และอาจขยายไปถึง 0.7000 หากปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน การบรรลุเป้าหมายเหล่านี้จะให้ผลตอบแทนประมาณ 300-450 pips จากระดับปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นผลตอบแทนที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว
จุดเข้าตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับ Position Trading คือการรอให้เกิดการปรับฐานที่มีนัยสำคัญลงมายังโซน 0.6350-0.6400 ซึ่งครอบคลุมระดับ support สำคัญหลายระดับ การเข้าซื้อในโซนนี้จะให้อัตราส่วน risk-reward ที่ดีเยี่ยม โดยสามารถตั้ง stop-loss ไว้ที่ 0.6250 ซึ่งต่ำกว่าระดับ support สำคัญ
การสร้างตำแหน่งสำหรับ Position Trading ควรใช้แนวทางแบบ dollar-cost averaging โดยแบ่งการลงทุนออกเป็น 3-4 งวด ตลอดระยะเวลา 6-12 เดือน วิธีการนี้จะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนระยะสั้นและให้โอกาสในการได้ต้นทุนเฉลี่ยที่ดีกว่า การกำหนดสัดส่วนการลงทุนไม่เกิน 5-7% ของพอร์ตโฟลิโอทั้งหมดในคู่เงินคู่เดียวเป็นหลักการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญ
ปัจจัยที่นักลงทุน Position Trading ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วยแนวโน้มระยะยาวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจโลก ความสัมพันธ์การค้าระหว่างออสเตรเลียและจีน และนโยบายการเงินระยะยาวของธนาคารกลางทั้งสองแห่ง การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยเหล่านี้อาจต้องการการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือการออกจากตำแหน่งก่อนกำหนด
การประเมินความสำเร็จของการลงทุน Position Trading ไม่ควรอิงจากผลการดำเนินงานระยะสั้น แต่ควรมองในกรอบเวลา 12-24 เดือน การที่ราคาเคลื่อนไหวในทิศทางที่คาดหวังและบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ถือเป็นความสำเร็จ แม้ว่าอาจมีช่วงเวลาที่ตำแหน่งอยู่ในสถานะขาดทุนชั่วคราวก็ตาม การรักษาความอดทนและไม่ตัดสินใจโดยอารมณ์เป็นคุณสมบัติสำคัญสำหรับความสำเร็จของ Position Trading
การวิเคราะห์คู่เงิน AUDUSD ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2025 แสดงให้เห็นถึงภาพรวมที่มีความซับซ้อนแต่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนและผู้ซื้อขายทุกประเภท จากการศึกษาอย่างครอบคลุมทั้งด้านการวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน และความสัมพันธ์ระหว่างตลาดต่างๆ สามารถสรุปได้ว่าคู่เงินดังกล่าวกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญที่ต้องการการติดตามอย่างใกล้ชิดและการวางแผนกลยุทธ์การลงทุนที่รอบคอบ
ผลการวิเคราะห์เทคนิคข้ามหลายกรอบเวลาแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นที่มีความแข็งแกร่งและได้รับการยืนยันอย่างสม่ำเสมอ การที่ราคาปัจจุบันอยู่เหนือ Moving Average สำคัญทุกเส้นในกรอบเวลารายวัน รวมทั้ง SMA 200 ที่ระดับ 0.6430 เป็นสัญญาณเชิงบวกที่แสดงถึงโครงสร้างตลาดที่เอื้อต่อการเคลื่อนตัวขึ้นต่อไป การฟื้นตัวกว่า 1,000 pips จากระดับต่ำสุดของปีที่ 0.5955 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแรงซื้อและความมั่นใจของนักลงทุนต่อแนวโน้มระยะกลางถึงระยะยาว
ตัวชี้วัดโมเมนตัมในหลายกรอบเวลาสนับสนุนมุมมองเชิงบวกนี้ โดย RSI ในกรอบเวลา H4 อยู่ที่ 61.08 และ H1 อยู่ที่ 65.50 แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่ยังคงมีอยู่แต่ยังไม่ถึงระดับที่น่าเป็นห่วง การเร่งตัวของโมเมนตัมในกรอบเวลาสั้นเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับความต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น อย่างไรก็ตาม ระดับ RSI ที่เพิ่มขึ้นในกรอบเวลา M30 ถึง 68.57 เป็นสิ่งที่ต้องติดตามเพื่อเฝ้าระวังการปรับฐานเทคนิคที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้น
การวิเคราะห์ระดับแนวต้านและแนวรับได้ให้ภาพรวมที่ชัดเจนสำหรับการวางแผนกลยุทธ์การซื้อขาย ระดับแนวต้านระยะสั้นที่ 0.6551 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของปี 2025 ถือเป็นด่านแรกที่ต้องทะลุเพื่อเปิดทางไปสู่เป้าหมายที่สูงขึ้น การทะลุระดับนี้ได้สำเร็จจะนำไปสู่การทดสอบโซน 0.6687-0.6700 ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะกลางที่คำนวณจาก Fibonacci Extension และการวิเคราะห์รูปแบบเทคนิค
เป้าหมายระยะยาวที่ 0.6942 ยังคงเป็นสิ่งที่สามารถบรรลุได้หากปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง การเข้าถึงระดับนี้จะมีความหมายสำคัญในการยืนยันการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดในระยะยาวและอาจเปิดโอกาสสำหรับการเคลื่อนตัวไปสู่โซน 0.7000 ในอนาคต สำหรับด้านแนวรับ โซน 0.6475-0.6429 ยังคงเป็นระดับที่ให้ความมั่นใจสำหรับนักลงทุนขาขึ้น และการรักษาตำแหน่งเหนือระดับเหล่านี้จะเป็นสัญญาณสำคัญของความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างดอลลาร์ออสเตรเลียกับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่นักลงทุนต้องให้ความสำคัญ การที่แร่เหล็กมีความสัมพันธ์ 0.75 และทองคำมีความสัมพันธ์ 0.68 กับ AUD แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าเหล่านี้ การเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ 22.95% ในปี 2025 ได้ให้การสนับสนุนที่สำคัญ แต่ขณะเดียวกันการลดลงของราคาแร่เหล็กในปี 2024 ก็สร้างแรงกดดันที่ต้องติดตาม
สถานการณ์เศรษฐกิจจีนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ภาวะเงินฝืดที่ดัชนีราคาผู้บริโภคลดลง 0.1% เป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันและการหดตัวของดัชนีราคาผู้ผลิต -3.3% เป็นสัญญาณเตือนที่อาจส่งผลต่อความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์จากออสเตรเลีย ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนยังคงสร้างความไม่แน่นอนที่อาจมีผลกระทบต่อการค้าโลกและโดยส่วนขยายต่อเศรษฐกิจออสเตรเลีย
การดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารกลางออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกาเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การที่ RBA มีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมขณะที่ Fed ยังคงรักษาท่าทีเข้มงวดอาจสร้างแรงกดดันต่อดอลลาร์ออสเตรเลียในระยะกลาง อย่างไรก็ตาม หากข้อมูลเศรษฐกิจของออสเตรเลียยังคงแสดงความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะตลาดแรงงาน อาจทำให้ธนาคารกลางชะลอการปรับลดดอกเบี้ยได้
สัปดาห์นี้มีเหตุการณ์สำคัญที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อทิศทางของ AUDUSD การประชุม FOMC วันที่ 18 มิถุนายน 2025 จะเป็นจุดสำคัญที่อาจเปลี่ยนแปลงการคาดการณ์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกา การประกาศ dot plot และ Summary of Economic Projections จะให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ข้อมูลการจ้างงานออสเตรเลียวันที่ 19 มิถุนายน 2025 ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากจะมีผลต่อการตัดสินใจของ RBA ในการประชุมครั้งถัดไป
สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์โดยเฉพาะในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจสร้างความผันผวนในตลาดการเงินโลก ดัชนี VIX ที่อยู่ในระดับ 19.11 แสดงให้เห็นถึงความกังวลที่ยังคงมีอยู่ การพัฒนาของสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลต่อความเต็มใจในการรับความเสี่ยงของนักลงทุนและการไหลของเงินทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัย
สำหรับนักลงทุนที่กำลังพิจารณาการลงทุนในคู่เงิน AUDUSD การรอให้เกิดการปรับฐานลงมายังโซนแนวรับ 0.6475-0.6429 อาจเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม เนื่องจากจะให้อัตราส่วน risk-reward ที่น่าสนใจมากกว่าการเข้าซื้อในระดับราคาปัจจุบัน การใช้แนวทางการลงทุนแบบ scale-in จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดในระยะสั้น
นักลงทุนควรกำหนดแผนการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจนโดยกำหนด stop-loss ที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ การหลุดลงไปต่ำกว่า SMA 200 ที่ระดับ 0.6430 อย่างมีนัยสำคัญควรถือเป็นสัญญาณเตือนให้พิจารณาการปรับกลยุทธ์หรือการออกจากตำแหน่ง การติดตามข้อมูลข่าวสารและการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปรับแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
การกระจายความเสี่ยงโดยไม่ลงทุนในคู่เงินคู่เดียวมากเกินไปเป็นหลักการสำคัญที่นักลงทุนควรยึดถือ การผสมผสานการลงทุนในคู่เงินที่มีความสัมพันธ์ต่ำกับ AUDUSD หรือสินทรัพย์อื่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตโฟลิโอ ความยืดหยุ่นในการปรับแผนการลงทุนตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมตลาดเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถบรรลุความสำเร็จในระยะยาว
คู่เงิน AUDUSD ในปัจจุบันนำเสนอโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มีความเข้าใจในปัจจัยขับเคลื่อนและสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม การผสมผสานระหว่างแนวโน้มเทคนิคที่เชิงบวกและปัจจัยพื้นฐานที่ยังคงให้การสนับสนุนสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการทำกำไรในระยะกลางถึงระยะยาว อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับการวางแผนที่รอบคอบ การบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ