หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
ตลาดทองคำส่งสัญญาณแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยพุ่งทะลุระดับสำคัญที่ $3,300 ต่อออนซ์ จากแรงหนุนของหลายปัจจัย ได้แก่ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่เพิ่มสูงขึ้น การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ในบทวิเคราะห์นี้ เราจะศึกษาถึงปัจจัยทางเทคนิคและพื้นฐานที่ขับเคลื่อนราคาทองคำ รวมถึงระดับราคาสำคัญที่นักเทรดควรติดตาม พร้อมแนวทางกลยุทธ์การเทรดในสภาวะตลาดปัจจุบัน
การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปัจจุบันได้สร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นเกือบ $700 นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก จากการวิเคราะห์พบว่า แนวโน้มขาขึ้นยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีสัญญาณเตือนถึงโอกาสในการพักตัวระยะสั้นหลังจากการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเหตุการณ์เศรษฐกิจที่มีผลกระทบสูง โดยเฉพาะความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศและนโยบายการเงิน ซึ่งล้วนส่งผลต่อแนวโน้มของทองคำในระยะสั้นและระยะกลาง
ประธานาธิบดีทรัมป์ได้สั่งให้มีการสอบสวนความเป็นไปได้ในการเก็บภาษีการนำเข้าแร่ธาตุสำคัญของสหรัฐฯ ทั้งหมด ซึ่งเป็นการยกระดับข้อพิพาทกับคู่ค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับจีนซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ การประกาศครั้งนี้ได้สร้างความกังวลในตลาดการเงินและกระตุ้นให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
สหรัฐฯ และญี่ปุ่นเริ่มการเจรจาภาษีในวอชิงตันเมื่อวันที่ 17 เมษายน ภายหลังจากที่ทรัมป์ได้เรียกเก็บภาษีสินค้าญี่ปุ่นในอัตรา 24% ผลลัพธ์ของการเจรจาครั้งนี้จะเป็นตัวบ่งชี้สำคัญถึงแนวทางการเจรจากับประเทศอื่นๆ และมีผลต่อความผันผวนของตลาดการเงินโลก รวมถึงราคาทองคำ
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้แสดงความกังวลว่า การเก็บภาษีนำเข้าของทรัมป์ทำให้บทบาทของธนาคารกลางซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยระบุว่าภาษีอาจทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นในระยะสั้นและ “อาจทำให้เราห่างไกลจากเป้าหมายมากขึ้น” ถ้อยแถลงนี้ส่งผลต่อความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต
ข้อมูลยอดค้าปลีกเดือนมีนาคมแสดงการเพิ่มขึ้นถึง 1.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.2% สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ตัวเลขนี้อาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ชะลอการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจกดดันราคาทองคำในระยะสั้น
ดอลลาร์สหรัฐได้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ โดยลดลงประมาณ 0.9% เมื่อเทียบกับยูโรและ 0.6% เมื่อเทียบกับเยนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจของการเก็บภาษีใหม่ การอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนราคาทองคำ เนื่องจากทำให้ทองคำซึ่งซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์มีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น
เหตุการณ์เหล่านี้ร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม นักเทรดควรติดตามพัฒนาการของการเจรจาการค้าและถ้อยแถลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอย่างรวดเร็วในตลาดทองคำ
การวิเคราะห์กราฟของทองคำ (XAUUSD) แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนในหลายกรอบเวลา โดยราคาได้ทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการพักตัวในบางช่วง ผมได้วิเคราะห์กราฟในหลายกรอบเวลาเพื่อให้ได้มุมมองที่ครอบคลุมถึงแนวโน้มระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
ในกรอบเวลารายวัน ราคาทองคำแสดงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยเคลื่อนตัวเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (SMA) ทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างชัดเจน การทะลุระดับ $3,300 เป็นสัญญาณบวกที่แสดงถึงความต่อเนื่องของแนวโน้ม
ค่า RSI ในกรอบเวลานี้อยู่ที่ประมาณ 75 ซึ่งเข้าสู่เขตซื้อมากเกินไป (overbought) แต่ยังไม่แสดงการเกิด Divergence ที่ชัดเจน สิ่งนี้บ่งชี้ว่าแม้จะมีความเสี่ยงที่ราคาอาจพักตัวในระยะสั้น แต่แนวโน้มหลักยังคงเป็นขาขึ้น
MACD ยังคงอยู่เหนือเส้น Signal และ Histogram แสดงการขยายตัว ซึ่งสนับสนุนมุมมองแนวโน้มขาขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรระวังการเกิด Bearish Divergence ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงการพักตัวที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง ราคาแสดงการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยมีการสร้าง Higher Highs และ Higher Lows อย่างต่อเนื่อง แนวรับสำคัญในกรอบเวลานี้อยู่ที่ระดับ SMA 50 และ SMA 100 ซึ่งเป็นบริเวณที่ราคามักจะพบแรงซื้อเข้ามาในช่วงการพักตัว
Stochastic Oscillator แสดงการเคลื่อนไหวเข้าสู่เขตซื้อมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การพักตัวในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ %K ยังคงอยู่เหนือ %D แนวโน้มขาขึ้นยังคงได้รับการยืนยัน
Up Fractals ที่เกิดขึ้นล่าสุดสร้างแนวต้านสำคัญที่ระดับ $3,350 ในขณะที่ Down Fractals สร้างแนวรับที่ $3,280 นักเทรดควรให้ความสนใจกับบริเวณเหล่านี้เป็นพิเศษ
กรอบเวลา 1 ชั่วโมงให้มุมมองที่ละเอียดยิ่งขึ้นสำหรับจุดเข้าเทรดระยะสั้น ในช่วงที่ผ่านมา ราคาแสดงการแกว่งตัวในลักษณะ Bullish Flag ซึ่งมักเป็นรูปแบบการพักตัวก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อ
MACD Histogram แสดงการอ่อนแรงลงเล็กน้อย แต่ยังไม่ได้ตัดผ่านเส้น Signal เป็นลบ ในขณะที่ RSI เริ่มฟื้นตัวจากระดับกลาง สิ่งนี้บ่งชี้ว่าโมเมนตัมขาขึ้นอาจกลับมาในเร็วๆ นี้
สังเกตว่าในช่วงการปรับตัวลง ราคามักหยุดที่ระดับ SMA 50 ซึ่งแสดงถึงแนวรับทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง การทดสอบและยืนเหนือระดับนี้อาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อที่น่าสนใจสำหรับการเทรดระยะสั้น
การวิเคราะห์กรอบเวลาที่ต่ำกว่า เช่น 30 นาที, 15 นาที และ 5 นาที ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับการระบุจุดเข้าเทรดที่เหมาะสม ในกรอบเวลาเหล่านี้ เราสังเกตเห็นการเกิด Regular Bullish Pattern ในหลายจุด ซึ่งมักตามมาด้วยการปรับตัวขึ้น
ควรสังเกตว่า Stochastic Oscillator ที่แสดงการตัดกันในเขตขายมากเกินไป (oversold) ในกรอบเวลา M15 และ M30 มักให้สัญญาณซื้อที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นพร้อมกับการเกิด Bullish Candlestick Pattern เช่น Hammer หรือ Bullish Engulfing
โดยสรุป การวิเคราะห์กราฟในทุกกรอบเวลาบ่งชี้ว่าแนวโน้มหลักของทองคำยังคงเป็นขาขึ้น แม้จะมีสัญญาณของการพักตัวระยะสั้น นักเทรดควรใช้การพักตัวนี้เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ โดยเฉพาะเมื่อราคาทดสอบแนวรับสำคัญ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรือจุดที่เคยเป็นแนวต้านก่อนหน้านี้
การวิเคราะห์แนวต้านสำคัญมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการวางแผนการเทรดที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในสภาวะตลาดที่ทองคำกำลังทำจุดสูงสุดทางประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ระดับแนวต้านเหล่านี้ช่วยให้นักเทรดสามารถกำหนดเป้าหมายกำไรและประเมินความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม
ระดับแนวต้านแรกที่สำคัญอยู่ที่ $3,350 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดล่าสุดที่ทองคำเคยทดสอบมาก่อนหน้านี้ ระดับนี้สอดคล้องกับค่า Up Fractal ในกรอบเวลา H4 และมีความสำคัญทางจิตวิทยาในฐานะเป้าหมายระยะสั้น การทะลุผ่านระดับนี้จะเป็นสัญญาณยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มขาขึ้นและอาจนำไปสู่การทดสอบระดับที่สูงขึ้นต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านนี้ได้ในความพยายามครั้งแรก นักเทรดควรระวังการเกิดการพักตัวหรือการปรับฐานในระยะสั้น
ระดับ $3,400 เป็นแนวต้านทางจิตวิทยาที่สำคัญ เนื่องจากเป็นตัวเลขกลม (round number) และยังไม่เคยมีการทดสอบมาก่อน ระดับนี้อาจส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรจากนักเทรดระยะสั้นที่เข้าซื้อในช่วงการทะลุ $3,300
ด้วยความสำคัญทางจิตวิทยาของระดับนี้ เราอาจเห็นความผันผวนที่เพิ่มขึ้นเมื่อราคาเข้าใกล้ ซึ่งอาจนำไปสู่การพักตัวชั่วคราวก่อนที่จะมีการทดสอบอีกครั้ง
กลุ่มแนวต้านที่ $3,450-$3,500 ถือเป็นเป้าหมายระยะกลางที่สำคัญ โดยเฉพาะระดับ $3,500 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวเลขกลมที่มีนัยสำคัญทางจิตวิทยา การเคลื่อนตัวของราคาสู่บริเวณนี้จะต้องมีแรงซื้อที่แข็งแกร่งและปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
นักเทรดควรคาดการณ์ว่าอาจเกิดแรงขายทำกำไรอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเข้าใกล้บริเวณนี้ โดยเฉพาะหากความตึงเครียดทางการค้าเริ่มคลี่คลายหรือดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัว
แม้ว่าระดับ $3,600 จะยังอยู่ห่างจากราคาปัจจุบันค่อนข้างมาก แต่เป็นเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ในระยะยาวหากปัจจัยพื้นฐานยังคงสนับสนุนการปรับตัวขึ้นของทองคำ ระดับนี้อาจกลายเป็นเป้าหมายสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่คาดการณ์การเพิ่มขึ้นของความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศในช่วงที่เหลือของปี
แนวต้านที่ระดับนี้จะมีความสำคัญมากขึ้นหากเกิดการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือมีการขยายตัวของความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจ
นอกจากระดับราคาแล้ว นักเทรดควรสังเกตคว่า RSI และ Stochastic ในกรอบเวลาสูงกว่ามักจะเข้าสู่เขตซื้อมากเกินไป (overbought) เมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านสำคัญ หากตัวชี้วัดเหล่านี้แสดงการเกิด Bearish Divergence เมื่อราคาทดสอบแนวต้าน อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงการพักตัวหรือการปรับฐานที่กำลังจะเกิดขึ้น
นักเทรดควรใช้ระดับแนวต้านเหล่านี้เพื่อวางแผนการทำกำไรบางส่วน (partial profit-taking) และปรับกลยุทธ์การเทรดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของราคาเมื่อเข้าใกล้แนวต้านเหล่านี้ สำหรับผู้ที่กำลังถือสถานะซื้อ (long position) ควรพิจารณาการปรับระดับ Stop Loss ตามการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อปกป้องกำไรที่มีอยู่
การระบุระดับแนวรับที่สำคัญช่วยให้นักเทรดสามารถวางแผนการจัดการความเสี่ยงและระบุโอกาสในการเข้าซื้อที่เหมาะสมได้ โดยเฉพาะในตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจนเช่นทองคำในปัจจุบัน การพิจารณาแนวรับเหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการวางกลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพ
ระดับ $3,300 ซึ่งเคยเป็นแนวต้านสำคัญก่อนที่ราคาจะทะลุผ่าน ได้กลายเป็นแนวรับที่สำคัญในปัจจุบัน ตามหลักการ “แนวต้านที่ถูกทะลุผ่านจะกลายเป็นแนวรับ” (previous resistance becomes support) ระดับนี้ยังเป็นตัวเลขกลมที่มีความสำคัญทางจิตวิทยาและเป็นจุดที่อาจมีแรงซื้อเข้ามาหากราคามีการพักตัว
การทดสอบและยืนเหนือระดับนี้หลังจากการพักตัวอาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อที่น่าสนใจสำหรับนักเทรดที่พลาดโอกาสในการเข้าซื้อก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดต่ำกว่าระดับนี้อย่างมีนัยสำคัญ อาจเป็นสัญญาณของการปรับฐานที่ลึกขึ้น
บริเวณ $3,250-$3,280 เป็นแนวรับที่สำคัญซึ่งสอดคล้องกับการพักตัวครั้งล่าสุดก่อนที่ราคาจะทะลุ $3,300 นอกจากนี้ ยังใกล้เคียงกับระดับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น (SMA) ในกรอบเวลา H4 และ D1 ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง
ระดับนี้น่าจะเป็นเป้าหมายสำหรับการพักตัวในระยะสั้นหลังจากการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจให้โอกาสในการเข้าซื้อที่ดีสำหรับนักเทรดที่มองหาการเข้าซื้อในจังหวะที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า
ระดับ $3,200 เป็นแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาและยังสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะกลาง (SMA) ในกรอบเวลารายวัน ระดับนี้เคยทำหน้าที่เป็นแนวต้านหลายครั้งในอดีตก่อนที่ราคาจะทะลุผ่าน และตามทฤษฎีทางเทคนิค จึงควรเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน
การหลุดต่ำกว่าระดับนี้จะเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจกำลังอ่อนแรงลง และอาจนำไปสู่การปรับฐานที่ลึกขึ้นสู่ระดับแนวรับถัดไป
ระดับ $3,150 เป็นแนวรับที่สำคัญซึ่งสอดคล้องกับจุดต่ำสุดในช่วงการแกว่งตัวก่อนหน้านี้ และยังใกล้เคียงกับระดับ Fibonacci Retracement 38.2% ของการปรับตัวขึ้นล่าสุด ระดับนี้น่าจะได้รับความสนใจจากนักเทรดหากเกิดการปรับฐานที่ลึกขึ้น
ด้วยระยะห่างที่มากจากราคาปัจจุบัน การที่ราคาจะลงมาถึงระดับนี้จะต้องมีปัจจัยลบที่สำคัญเข้ามากระทบตลาด เช่น การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หรือถ้อยแถลงที่แข็งกร้าว (hawkish) จากธนาคารกลางสหรัฐฯ
บริเวณ $3,000-$3,050 เป็นแนวรับระยะยาวที่มีความสำคัญทางจิตวิทยาอย่างมาก โดยเฉพาะระดับ $3,000 ซึ่งเป็นตัวเลขกลมสำคัญ ระดับนี้ยังสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว (SMA) ในกรอบเวลารายวัน และอาจเป็นเป้าหมายสำหรับการปรับฐานที่รุนแรงหากปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ปัจจัยพื้นฐานยังคงสนับสนุนทองคำ เช่น ความตึงเครียดทางการค้า ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอย โอกาสที่ราคาจะลงมาทดสอบระดับนี้ในระยะสั้นถึงระยะกลางยังคงต่ำ
ในการวางแผนกลยุทธ์การเทรด นักเทรดควรพิจารณาการใช้ระดับแนวรับเหล่านี้ในการกำหนด Stop Loss และจุดเข้าซื้อที่เหมาะสม สำหรับผู้ที่มองหาโอกาสในการเข้าซื้อทองคำ การรอให้ราคาทดสอบแนวรับที่แข็งแกร่งอาจช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนของการเทรด
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นองค์ประกอบสำคัญในการประเมินแนวโน้มของทองคำในระยะกลางถึงระยะยาว โดยเฉพาะในสภาวะตลาดปัจจุบันที่มีความผันผวนสูงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ การเข้าใจปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ทิศทางของราคาทองคำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนและประเทศคู่ค้าสำคัญอื่นๆ ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาทองคำ การที่ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งให้มีการสอบสวนความเป็นไปได้ในการเก็บภาษีการนำเข้าแร่ธาตุสำคัญของสหรัฐฯ ทั้งหมดได้ยกระดับความตึงเครียดทางการค้าอย่างมีนัยสำคัญ
ในสถานการณ์เช่นนี้ นักลงทุนมักหันไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดการเงิน หากความตึงเครียดทางการค้ายังคงดำเนินต่อไปหรือทวีความรุนแรงขึ้น ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงสนับสนุนต่อเนื่อง
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีความสัมพันธ์เชิงลบกับราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญ การที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีดอลลาร์ (US Dollar Index) ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสามปี ซึ่งส่งผลให้ทองคำซึ่งซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์มีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น
ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจของการเก็บภาษีใหม่ได้กดดันให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และหากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป ราคาทองคำมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้นต่อไป
ถ้อยแถลงล่าสุดของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่แสดงความกังวลว่าการเก็บภาษีนำเข้าอาจทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นในระยะสั้น เป็นประเด็นที่นักเทรดควรติดตามอย่างใกล้ชิด
หากเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นจากการเก็บภาษีนำเข้า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจต้องชะลอการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากสงครามการค้าอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับทองคำ
การซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะจากจีน รัสเซีย และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญสำหรับราคาทองคำในระยะยาว ธนาคารกลางเหล่านี้ยังคงซื้อทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ และลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ
ความต้องการที่แข็งแกร่งจากภาคส่วนนี้มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป โดยเฉพาะในบริบทของความตึงเครียดทางการค้าและความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
แม้ว่าข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ล่าสุดจะแสดงการเพิ่มขึ้นเกินคาด แต่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำ การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
หากเครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจแสดงสัญญาณการชะลอตัวที่ชัดเจนขึ้น ทองคำซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเศรษฐกิจถดถอยอาจได้รับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำในระยะกลางถึงระยะยาว
ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนเพิ่มขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง นักลงทุนมักหันไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง
หากความผันผวนในตลาดหุ้นยังคงอยู่ในระดับสูงหรือเพิ่มขึ้น ทองคำมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากการไหลเข้าของเงินทุนจากนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
โดยสรุป ปัจจัยพื้นฐานส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนราคาทองคำในระยะกลางถึงระยะยาว แม้ว่าอาจมีการพักตัวในระยะสั้นหลังจากการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว นักเทรดควรติดตามพัฒนาการของความตึงเครียดทางการค้า นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มของราคาทองคำในอนาคต
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานของทองคำ (XAUUSD) อย่างครอบคลุม เราสามารถสรุปมุมมองและแนวทางการเทรดได้ดังนี้
ทองคำอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยราคาทะลุระดับสำคัญที่ $3,300 ต่อออนซ์และมีโอกาสที่จะทดสอบระดับที่สูงขึ้นต่อไป ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
การวิเคราะห์ทางเทคนิคในหลายกรอบเวลาบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าตัวชี้วัดบางตัว เช่น RSI และ Stochastic จะเข้าสู่เขตซื้อมากเกินไป (overbought) ซึ่งอาจนำไปสู่การพักตัวในระยะสั้น แต่แนวรับสำคัญที่ $3,300 และ $3,250-$3,280 น่าจะช่วยจำกัดการปรับตัวลง ในขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ $3,350, $3,400 และ $3,450-$3,500
สำหรับกลยุทธ์การเทรด มุมมองหลักยังคงเป็นการเข้าซื้อในจังหวะที่ราคาพักตัวมาทดสอบแนวรับสำคัญ โดยเฉพาะบริเวณ $3,280-$3,300 ซึ่งเป็นระดับที่มีโอกาสพบแรงซื้อเข้ามา การตั้ง Stop Loss ใต้แนวรับสำคัญที่ $3,250 จะช่วยจำกัดความเสี่ยงในกรณีที่ตลาดมีการปรับฐานที่ลึกกว่าที่คาดการณ์ไว้ สำหรับเป้าหมายกำไร ระดับ $3,350, $3,400 และ $3,450-$3,500 เป็นระดับที่ควรพิจารณาทำกำไรบางส่วน
อย่างไรก็ตาม นักเทรดควรติดตามปัจจัยสำคัญต่อไปนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจส่งผลให้มุมมองตลาดเปลี่ยนแปลงไป:
สรุปโดยรวม มุมมองต่อทองคำยังคงเป็นบวกในระยะกลางถึงระยะยาว ด้วยแนวโน้มพื้นฐานที่แข็งแกร่งและปัจจัยสนับสนุนที่ต่อเนื่อง แม้ว่าอาจมีการพักตัวในระยะสั้นหลังจากการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว นักเทรดควรใช้กลยุทธ์ “ซื้อเมื่อราคาลง” (buy the dips) ในบริเวณแนวรับสำคัญ ควบคู่ไปกับการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อป้องกันความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น จากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในตลาดการเงินโลก