หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
รายงาน Non-Farm Payrolls (NFP) เดือนมิถุนายน 2025 ที่จะเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม กำลังจะกลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีผลกระทบสูงสุดต่อตลาดการเงินโลกในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 สำหรับเทรดเดอร์ CFD แล้ว รายงานนี้ไม่เพียงแต่เป็นตัวบ่งชี้สุขภาพของตลาดแรงงานสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางของนโยบายการเงิน Federal Reserve ที่จะส่งผลกระทบต่อความผันผวนของสินทรัพย์ CFD ในทุกประเภท
ความสำคัญเป็นพิเศษของ NFP มิถุนายน 2025 เกิดขึ้นจากจังหวะเวลาที่ตรงกับช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา โดยข้อมูลการจ้างงานเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาแสดงให้เห็นสัญญาณการชะลอตัวของตลาดแรงงาน ด้วยการเพิ่มขึ้นของตำแหน่งงานเพียง 139,000 ตำแหน่ง ซึ่งแม้จะสูงกว่าคาดการณ์เล็กน้อย แต่ยังคงต่ำกว่าระดับเฉลี่ยในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้ การปรับลดตัวเลขย้อนหลังของเดือนมีนาคมและเมษายนรวม 95,000 ตำแหน่ง ยิ่งเสริมให้เห็นภาพชัดเจนว่าตลาดแรงงานสหรัฐอเมริกากำลังประสบกับแรงกดดันจากนโยบายภาษีศุลกากรและความไม่แน่นอนทางการค้า
สำหรับตลาด CFD แล้ว ความผันผวนที่เกิดขึ้นรอบการเผยแพร่ข้อมูล NFP มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากข้อมูลเศรษฐกิจอื่น เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นแพร่กระจายไปยังสินทรัพย์หลากหลายประเภทพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นคู่สกุลเงินหลักอย่าง EUR/USD และ USD/JPY ที่มักเผชิญกับความผันผวนสูงภายใน 15 นาทีแรกหลังการเผยแพร่ ดัชนีหุ้นอย่าง S&P 500 ที่ปัจจุบันทำสถิติใหม่ที่ระดับ 6,173 จุด และกำลังเผชิญกับสภาวะ overbought ที่อาจเปราะบางต่อข้อมูลที่ผิดคาด รวมไปถึงสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำที่ปัจจุบันซื้อขายใกล้ระดับ 3,284 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงความคาดหวังเรื่องอัตราดอกเบี้ยเป็นอย่างมาก
การเลื่อนการเผยแพร่ข้อมูล NFP จากวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคมมาเป็นวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม เนื่องจากวันชาติสหรัฐอเมริกา ยิ่งเพิ่มความท้าทายให้กับการเทรด CFD เนื่องจากสภาพคล่องที่อาจลดลงและความผันผวนที่อาจเพิ่มขึ้นจากการปิดตลาดในวันหยุด ประกอบกับการที่ VIX ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 17.31 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำและบ่งชี้ถึงความมั่นใจของตลาดที่อาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วหากข้อมูล NFP ออกมาผิดคาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญ
บทวิเคราะห์นี้จะนำเสนอมุมมองครอบคลุมเกี่ยวกับผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากรายงาง NFP มิถุนายน 2025 ต่อตลาด CFD ในทุกมิติ โดยเริ่มจากการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดแรงงานปัจจุบันและความเชื่อมโยงกับนโยบายการเงินของ Federal Reserve ไปจนถึงการประเมินผลกระทบเฉพาะต่อแต่ละประเภทสินทรัพย์ และการเสนอกลยุทธ์การเทรดและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์ CFD ในทุกระดับประสบการณ์ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นในขณะที่ควบคุมความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตลาดแรงงานสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันกำลังเผชิญกับช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ โดยสะท้อนให้เห็นจากข้อมูลการจ้างงานเดือนพฤษภาคม 2025 ที่แสดงการเพิ่มขึ้นของตำแหน่งงาน 139,000 ตำแหน่ง ซึ่งแม้จะสูงกว่าคาดการณ์ที่ 130,000 ตำแหน่งเล็กน้อย แต่กลับชะลอตัวลงจากเดือนเมษายนที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งหลังจากการปรับลงจากตัวเลขเดิม 177,000 ตำแหน่ง การชะลอตัวนี้สื่อถึงการปรับตัวของธุรกิจต่อสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะแรงกดดันจากนโยบายภาษีศุลกากรที่ทำให้บริษัทต่างๆ เลือกที่จะ “กักตุนแรงงาน” มากกว่าการจ้างงานใหม่เพิ่มเติม
อัตราการว่างงานที่คงที่ที่ระดับ 4.2 เปอร์เซ็นต์เป็นเดือนที่สามติดต่อกันสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่า “equilibrium unemployment” ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอยู่ในภาวะสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน แต่ยังไม่ถึงระดับที่จะสร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่รุนแรง ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงที่เพิ่มขึ้น 3.9 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปีแสดงให้เห็นว่าแรงกดดันด้านค่าจ้างยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และสอดคล้องกับเป้าหมายเงินเฟ้อ 2 เปอร์เซ็นต์ของ Federal Reserve
การปรับลดตัวเลขย้อนหลังที่มีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเดือนมีนาคมที่ถูกปรับลงจาก 185,000 เป็น 120,000 ตำแหน่ง และเดือนเมษายนที่ปรับลงจาก 177,000 เป็น 147,000 ตำแหน่ง รวมเป็นการปรับลด 95,000 ตำแหน่ง ชี้ให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานในช่วงต้นปี 2025 อาจไม่ได้แข็งแกร่งเท่าที่คาดการณ์ไว้เดิม การปรับลดนี้มีความสำคัญต่อการคาดการณ์แนวโน้มอนาคต เนื่องจากสะท้อนให้เห็นถึงการชะลอตัวที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าการเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน
สำหรับคาดการณ์ข้อมูล NFP เดือนมิถุนายน 2025 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 129,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าเดือนพฤษภาคมเล็กน้อย อัตราการว่างงานคาดว่าจะคงที่ที่ 4.2 เปอร์เซ็นต์ และค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบเดือนต่อเดือน การคาดการณ์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับการประเมินว่าผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรจะเริ่มมีผลอย่างเต็มที่ในเดือนมิถุนายน ขณะเดียวกันกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังคงแข็งแกร่งพอที่จะสนับสนุนการจ้างงานในระดับหนึ่ง
บริบททางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อตลาดแรงงานในปัจจุบันมีความซับซ้อนมากกว่าช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะอิทธิพลของนโยบายรัฐบาล Trump ที่เน้นการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศผ่านมาตรการภาษีศุลกากร แม้ว่านโยบายดังกล่าวจะมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการจ้างงานในภาคการผลิต แต่ความไม่แน่นอนในระยะสั้นกลับทำให้บริษัทต่างๆ ระมัดระวังในการขยายกำลังคนใหม่ ประกอบกับต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นทำให้หลายองค์กรเลือกที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานที่มีอยู่มากกว่าการจ้างงานเพิ่ม
การเปรียบเทียบกับแนวโน้มประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าระดับการจ้างงานปัจจุบันยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เมื่อพิจารณาจากค่าเฉลี่ยการจ้างงานรายเดือนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ประมาณ 180,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวที่เกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนล่าสุดชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของวงจรเศรษฐกิจที่ Federal Reserve ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการประเมินว่าการชะลอตัวนี้เป็นผลจากการปรับตัวชั่วคราวหรือเป็นสัญญาณของการอ่อนแอที่มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวม
ข้อมูลเศรษฐกิจเสริมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาดแรงงาน เช่น ดัชนี ISM Manufacturing PMI ที่อยู่ที่ระดับ 48.5 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ 50 ที่บ่งชี้การหดตัวของภาคการผลิตเป็นเดือนที่สาม และดัชนี Consumer Confidence ที่ลดลงเป็น 93.0 จุดในเดือนมิถุนายน ล้วนสนับสนุนภาพของเศรษฐกิจที่กำลังผ่านช่วงปรับตัว การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ร่วมกับตัวเลข NFP จะให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับทิศทางของนโยบายการเงินที่ Federal Reserve อาจนำมาใช้ในการประชุม FOMC ครั้งต่อไป
รายงาน Non-Farm Payrolls มิถุนายน 2025 จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายการเงินของ Federal Reserve ในการประชุม Federal Open Market Committee ครั้งต่อไปที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29-30 กรกฎาคม 2025 โดยข้อมูลการจ้างงานนี้จะเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่คณะกรรมการนโยบายการเงินใช้ประกอบการพิจารณาว่าจะดำเนินนโยบายการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบัน
ปัจจุบัน Federal Reserve คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25 ถึง 4.50 เปอร์เซ็นต์ เป็นการประชุมที่สี่ติดต่อกันที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย หลังจากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2022 เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป้าหมาย ในการประชุมเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คณะกรรมการ FOMC ได้ปรับลดคาดการณ์การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2025 จาก 1.7 เปอร์เซ็นต์เป็น 1.4 เปอร์เซ็นต์ และสำหรับปี 2026 จาก 1.8 เปอร์เซ็นต์เป็น 1.6 เปอร์เซ็นต์ การปรับลดคาดการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากนโยบายการค้าและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ต่อการเจริญเติบโตในระยะกลาง
การวิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่าง NFP กับนโยบาย Fed จำเป็นต้องพิจารณาภายใต้กรอบ dual mandate ที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกายึดถือ ซึ่งประกอบด้วยเป้าหมายการรักษาเสถียรภาพด้านราคาและการส่งเสริมการจ้างงานเต็มที่ ข้อมูล NFP ที่แข็งแกร่งเกินไปอาจสร้างความกังวลเรื่องแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากตลาดแรงงานที่ตึงตัว ในขณะที่ข้อมูลที่อ่อนแอเกินไปอาจบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น สำหรับข้อมูล NFP มิถุนายนที่คาดการณ์ไว้ที่ 129,000 ตำแหน่ง หากออกมาใกล้เคียงกับคาดการณ์จะสนับสนุนมุมมองของ Fed ที่ว่าตลาดแรงงานกำลังปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุลที่เหมาะสม
ความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงโอกาสเกือบศูนย์เปอร์เซ็นต์ที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคม แม้ว่า Governor Christopher Waller จะได้แสดงความคิดเห็นว่าธนาคารกลางควรพิจารณาการลดอัตราดอกเบี้ยก่อนหน้านี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงของการชะลอตัวที่มากเกินไปของตลาดแรงงาน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงคาดการณ์ว่าการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของ Fed จะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนกันยายน โดยคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยรวม 2 ครั้งในปี 2025 ตามที่คณะกรรมการได้ระบุไว้ในคาดการณ์ล่าสุด
ผลกระทบของข้อมูล NFP ต่อคาดการณ์อัตราการว่างงานของ Fed ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากคณะกรรมการได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการว่างงานสำหรับปี 2025 และ 2026 เป็น 4.5 เปอร์เซ็นต์ จากระดับ 4.2 เปอร์เซ็นต์ปัจจุบัน หาก NFP มิถุนายนออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดและอัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ 4.2 เปอร์เซ็นต์ อาจทำให้ Fed ต้องทบทวนคาดการณ์นี้และอาจชะลอแผนการลดอัตราดอกเบี้ย ในทางกลับกัน หากข้อมูลสอดคล้องกับแนวโน้มที่คาดการณ์ไว้ จะเป็นการยืนยันทิศทางนโยบายที่ Fed วางแผนไว้
การประเมินผลกระทบของปัจจัยภายนอกต่อการตัดสินใจของ Fed ก็เป็นสิ่งที่นักเทรดเดอร์ CFD จำเป็นต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะนโยบายภาษีศุลกากรที่อาจสร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระยะสั้น แต่อาจส่งผลให้การเจริญเติบโตชะลอตัวในระยะกลาง ความซับซ้อนของสถานการณ์นี้ทำให้ Fed ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อกับความเสี่ยงด้านการเจริญเติบโต ซึ่งข้อมูล NFP จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยในการประเมินว่าสมดุลนี้กำลังเอียงไปทางใด
ความเชื่อมโยงกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางอื่นๆ ก็มีส่วนในการกำหนดบริบทสำหรับการตัดสินใจของ Fed โดยเฉพาะ European Central Bank ที่คาดว่าจะดำเนินนโยบายการลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุมเดือนกรกฎาคม และ Bank of England ที่ตลาดคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ย 25 basis points ในเดือนสิงหาคม หาก Fed เลือกที่จะรอการลดอัตราดอกเบี้ยในขณะที่ธนาคารกลางอื่นๆ ดำเนินนโยบายที่ผ่อนคลายมากขึ้น อาจส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นและสร้างผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของการส่งออกสหรัฐอเมริกา
การติดตามการสื่อสารของเจ้าหน้าที่ Fed หลังจากการเผยแพร่ข้อมูล NFP จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดเดอร์ CFD เนื่องจากการตีความข้อมูลและการให้สัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายในอนาคตจะมีผลกระทบต่อความคาดหวังของตลาดอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการแถลงข่าวของประธาน Fed Jerome Powell และความเห็นของสมาชิก FOMC อื่นๆ ที่อาจให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและแนวโน้มการปรับนโยบายในเดือนกันยายนและเดือนต่อๆ ไป
การเผยแพร่รายงาน Non-Farm Payrolls สร้างผลกระทบที่แตกต่างกันไปตามลักษณะเฉพาะของแต่ละประเภทสินทรัพย์ในตลาด CFD โดยความเข้าใจในกลไกการส่งผ่านและระดับเทคนิคสำคัญจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวิเคราะห์ผลกระทบเฉพาะต่อแต่ละสินทรัพย์จำเป็นต้องพิจารณาทั้งปัจจัยพื้นฐานและสภาวะเทคนิคปัจจุบัน
คู่สกุลเงิน EUR/USD ในปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ 1.1737 หลังจากการทดสอบแนวต้านที่ 1.1745 อย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวล่าสุดแสดงการเบรกเอาต์จาก flag pattern และยังคงรักษาตำแหน่งเหนือเส้นแนวโน้มขาขึ้น ระดับ support สำคัญอยู่ที่ 1.1650 ถึง 1.1660 ซึ่งหากถูกทะลุลงไปอาจเปิดทางให้ราคาทดสอบระดับ 1.1535 ถึง 1.1550 ในขณะที่ resistance สำคัญอยู่ที่ 1.1800 และ 1.1905 หาก NFP ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดการณ์ จะส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นและกดดัน EUR/USD ให้อ่อนค่าลง ในทางกลับกัน หากข้อมูลออกมาอ่อนแอกว่าคาดการณ์ อาจเป็นแรงหนุนให้ EUR/USD สามารถทดสอบระดับ resistance ที่สำคัญได้
คู่สกุลเงิน USD/JPY ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ 144.71 พร้อมกับตัวชี้วัด RSI ที่ 72.54 ซึ่งบ่งชี้สภาวะ overbought แต่ ADX ที่ 39.15 ยังคงแสดงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง ระดับ support ใกล้เคียงอยู่ที่ 144.32, 144.26 และ 144.14 ขณะที่ resistance สำคัญอยู่ที่ 144.81, 144.84 และ 144.88 การทะลุขึ้นไปเหนือ 148.01 จะเปิดทางสู่เป้าหมายที่ 151.22 ซึ่งเป็นระดับ 61.8% Fibonacci retracement ข้อมูล NFP ที่แข็งแกร่งมักส่งผลให้ USD/JPY แข็งค่าขึ้นเนื่องจากความคาดหวังการขยายช่วงห่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม สภาวะ overbought ปัจจุบันทำให้มีความเสี่ยงของการปรับตัวลงในระยะสั้นหากข้อมูลไม่เป็นไปตามคาดการณ์
คู่สกุลเงินอื่นๆ ที่มีความผันผวนสูงอย่าง AUD/JPY, NZD/JPY และ GBP/AUD มักจะมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงมากขึ้นในช่วงการเผยแพร่ข้อมูล NFP เนื่องจากการผสมผสานระหว่างความไวต่อความเสี่ยง (risk sentiment) และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินหลัก การเทรดในคู่สกุลเงินเหล่านี้ต้องมีการเตรียมความพร้อมสำหรับความผันผวนที่สูงและการใช้ขนาดตำแหน่งที่เหมาะสม
ดัชนี S&P 500 ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับสถิติใหม่ 6,173.07 จุด หลังจากการเบรกเอาต์เหนือระดับ 6,166 ในวันที่ 26 มิถุนายน ตัวชี้วัด RSI ใกล้ระดับ 70 บ่งชี้สภาวะ overbought ที่อาจเปราะบางต่อการปรับตัวลง ระดับ support สำคัญอยู่ที่ 6,214 ซึ่งเป็น Friday’s VWAP และระดับ 6,166 ที่เป็น former all-time high ขณะที่ resistance ถัดไปอยู่ที่ระดับ 6,250 และ 6,300 ที่เป็น psychological level การตอบสนองของดัชนีหุ้นต่อข้อมูล NFP มีความซับซ้อน โดยข้อมูลที่แข็งแกร่งเกินไปอาจสร้างความกังวลเรื่องการลดลงของโอกาสการลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่ข้อมูลที่อยู่ในระดับที่เหมาะสม (Goldilocks scenario) จะเป็นผลบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง
ดัชนี NASDAQ มีความไวต่อความคาดหวังเรื่องอัตราดอกเบี้ยมากกว่าเนื่องจากองค์ประกอบของหุ้นเทคโนโลยีที่มีการประเมินมูลค่าขึ้นอยู่กับกระแสเงินสดในอนาคต หาก NFP แข็งแกร่งเกินไปและลดโอกาสการลดอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อ NASDAQ มากกว่าดัชนีอื่นๆ การที่ตลาดหุ้นเทคโนโลยีกำลังเข้าสู่ฤดูกาลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองในเดือนกรกฎาคมยิ่งเพิ่มความสำคัญของการติดตามข้อมูล NFP เพื่อประเมินสภาพแวดล้อมการลงทุนโดยรวม
ดัชนีหุ้นยุโรปอย่าง DAX 30, CAC 40 และ FTSE 100 ได้รับผลกระทบทางอ้อมผ่านความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐและการไหลของเงินลงทุนระหว่างประเทศ การที่ European Central Bank คาดว่าจะดำเนินนโยบายการลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องทำให้ความแตกต่างของนโยบายการเงินระหว่างสหรัฐอเมริกาและยุโรปเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของดัชนีหุ้นยุโรป
ทองคำปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ 3,284 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากการเปิดซื้อขายต่ำกว่า 3,300 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน แม้ว่าราคาจะลดลง 0.9 เปอร์เซ็นต์ในรอบเดือน แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 41 เปอร์เซ็นต์ในรอบปี ทองคำมีความสัมพันธ์เชิงลบกับข้อมูล NFP โดยข้อมูลประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าเมื่อ NFP ต่ำกว่าคาดการณ์ ราคาทองคำเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7.2 ดอลลาร์ภายใน 15 นาทีหลังการเผยแพร่ ในทางกลับกัน NFP ที่แข็งแกร่งมักส่งผลให้ราคาทองคำลดลงเนื่องจากความคาดหวังการลดลงของโอกาสการลดอัตราดอกเบี้ย
น้ำมันดิบ WTI ปัจจุบันซื้อขายในช่วง 65.11 ถึง 65.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยเพิ่มขึ้น 0.43 เปอร์เซ็นต์ในวันเดียว แม้ว่าราคาปัจจุบันจะลดลง 43 เปอร์เซ็นต์จากจุดสูงสุดในมิถุนายน 2022 แต่ยังคงสูงกว่าระดับติดลบในปี 2020 กว่า 100 ดอลลาร์ การตอบสนองของราคาน้ำมันต่อ NFP มีความซับซ้อนเนื่องจากได้รับผลกระทบทั้งจากความแข็งแกร่งของดอลลาร์และความคาดหวังเรื่องความต้องการพลังงาน NFP ที่แข็งแกร่งอาจหนุนราคาน้ำมันผ่านการเพิ่มขึ้นของความต้องการ แต่ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอาจสร้างแรงกดดันในทิศทางตรงข้าม
เงินมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับทองคำ แต่มีความผันผวนสูงกว่าเนื่องจากการใช้งานทั้งในฐานะโลหะมีค่าและโลหะอุตสาหกรรม ความต้องการจากภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและพลังงานทดแทน ทำให้เงินมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มเศรษฐกิจมากกว่าทองคำ
พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา 10 ปีมีการเคลื่อนไหวที่สำคัญหลังข้อมูล NFP โดยผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากกว่า 11 basis points หลังข้อมูล NFP พฤษภาคมที่แข็งแกร่งกว่าคาด NFP ที่แข็งแกร่งมักส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นและราคาพันธบัตรลดลงเนื่องจากความคาดหวังการลดลงของโอกาสการลดอัตราดอกเบี้ย พันธบัตร 2 ปีมีความไวต่อความคาดหวังการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของ Fed มากที่สุด โดยผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากกว่า 11 basis points หลังข้อมูล NFP พฤษภาคม
การวิเคราะห์ yield curve และการเปลี่ยนแปลงของความชันของเส้นโค้งผลตอบแทนจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคาดหวังของตลาดต่อนโยบายการเงินในระยะต่างๆ การที่ผลตอบแทนระยะสั้นเพิ่มขึ้นมากกว่าระยะยาวหลัง NFP ที่แข็งแกร่งบ่งชี้ถึงการปรับเปลี่ยนความคาดหวังเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้
Bitcoin และ Ethereum ได้รับผลกระทบทางอ้อมจากข้อมูล NFP ผ่านความคาดหวังเรื่องนโยบายการเงินและความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินดิจิทัลมักมีความผันผวนเพิ่มขึ้นในวันที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ NFP ที่แข็งแกร่งอาจลดความน่าดึงดูดของสกุลเงินดิจิทัลเนื่องจากการลดลงของโอกาสการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทำให้สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนแน่นอนมีความน่าสนใจมากขึ้น
การเทรด CFD ในช่วงการเผยแพร่ข้อมูล Non-Farm Payrolls ต้องการการเตรียมตัวอย่างรอบคอบและการใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับลักษณะของความผันผวนที่เกิดขึ้น การบริหารความเสี่ยงในช่วงเวลานี้มีความสำคัญยิ่งกว่าการแสวงหากำไร เนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงและไม่คาดคิดอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการควบคุมตำแหน่งการเทรดได้
การวางแผนล่วงหน้าเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการเทรดที่ประสบความสำเร็จรอบข้อมูล NFP เทรดเดอร์ควรศึกษาข้อมูลประวัติศาสตร์ของการเคลื่อนไหวราคาหลังการเผยแพร่ข้อมูลการจ้างงานในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา เพื่อประเมินระดับความผันผวนที่คาดหวังและช่วงราคาที่อาจเกิดขึ้น การติดตามคาดการณ์จากสถาบันการเงินหลักและการเปรียบเทียบกับตัวเลขจริงที่ออกมาจะช่วยในการประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ การทำความเข้าใจกับระดับ support และ resistance ที่สำคัญของสินทรัพย์ที่ต้องการเทรดจะช่วยในการกำหนดจุดเข้าและออกที่เหมาะสม
การประเมินสภาพคล่องของตลาดในวันที่เผยแพร่ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในกรณีที่ข้อมูล NFP มิถุนายนจะเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคมแทนวันศุกร์ตามปกติ เนื่องจากวันหยุดชาติสหรัฐอเมริกา สภาพคล่องที่ลดลงอาจทำให้เกิดการขยายตัวของ spread และเพิ่มความเสี่ยงของการเกิด price gap ที่มากกว่าปกติ เทรดเดอร์ควรเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เหล่านี้โดยการปรับลดขนาดตำแหน่งและการตั้ง stop-loss ที่กว้างขึ้นเพื่อรองรับความผันผวนที่เพิ่มขึ้น
สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ การหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วง 30 นาทีแรกหลังการเผยแพร่ข้อมูล NFP เป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุด เนื่องจากความผันผวนในช่วงนี้มักจะสูงมากและการเคลื่อนไหวของราคาอาจไม่สามารถคาดการณ์ได้ การรอให้ตลาดมีความเสถียรมากขึ้นและการเคลื่อนไหวเริ่มมีทิศทางที่ชัดเจนจะช่วยลดความเสี่ยงของการเข้าตลาดในจังหวะที่ไม่เหมาะสม เมื่อตัดสินใจเข้าตลาดแล้ว ควรใช้ขนาดตำแหน่งที่เล็กกว่าปกติและตั้ง stop-loss ที่เข้มงวด
เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ปานกลางสามารถพิจารณากลยุทธ์การเทรดแบบ range trading ก่อนการเผยแพร่ข้อมูล โดยการระบุช่วงราคาที่ตลาดเคลื่อนไหวอยู่และการทำกำไรจากการเด้งกลับที่ระดับ support และ resistance หลังจากข้อมูลเผยแพร่แล้ว สามารถเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์ momentum trading โดยการเทรดตามทิศทางของการเคลื่อนไหวหลังจากที่แนวโน้มเริ่มชัดเจน การใช้เครื่องมือ technical analysis เช่น moving averages และ MACD จะช่วยในการยืนยันทิศทางและจังหวะการเข้าออกจากตลาด
เทรดเดอร์มืออาชีพอาจเลือกใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การทำ hedge positions ก่อนการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวที่ไม่คาดคิด หรือการใช้ options strategies เพื่อใช้ประโยชน์จากความผันผวนที่เพิ่มขึ้น การเทรดในหลายสินทรัพย์พร้อมกันเพื่อใช้ประโยชน์จาก correlation และ divergence ระหว่างตลาดต่างๆ ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่เทรดเดอร์มืออาชีพมักใช้
การจัดการ position sizing เป็นหัวใจสำคัญของการบริหารความเสี่ยงรอบข้อมูล NFP เทรดเดอร์ควรลดขนาดตำแหน่งลงเหลือ 50 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของขนาดปกติในวันที่มีการเผยแพร่ข้อมูลสำคัญ การคำนวณความเสี่ยงโดยใช้ Average True Range ของสินทรัพย์ในช่วง 14 วันที่ผ่านมาจะช่วยในการประเมินขนาดการเคลื่อนไหวที่คาดหวังและการกำหนด stop-loss ที่เหมาะสม
การใช้ leverage ในช่วงข้อมูล NFP ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้ว่า leverage จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนที่เป็นไปได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงของการขาดทุนที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน เทรดเดอร์ควรลด leverage ลงในวันที่มีข้อมูลสำคัญและใช้เฉพาะระดับที่สามารถรับความเสี่ยงได้ การติดตาม margin requirements และการเตรียม additional funds เพื่อป้องกัน margin call เป็นสิ่งจำเป็น
Gap risk เป็นความเสี่ยงสำคัญที่เทรดเดอร์ CFD ต้องเผชิญรอบข้อมูล NFP เนื่องจากราคาอาจกระโดดข้ามระดับราคาที่ตั้ง stop-loss ไว้ ทำให้การปิดตำแหน่งเกิดขึ้นที่ราคาที่แย่กว่าที่คาดหวัง การลดขนาดตำแหน่งและการตั้ง stop-loss ที่กว้างกว่าปกติเป็นวิธีหนึ่งในการจัดการกับความเสี่ยงนี้ นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงการถือ positions ข้ามคืนก่อนวันเผยแพร่ข้อมูลก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
Spread widening เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตลาดมีความผันผวนสูง โดย spread ระหว่าง bid และ ask price จะขยายตัวจากระดับปกติ สิ่งนี้ส่งผลต่อต้นทุนการเทรดและการคำนวณกำไรขาดทุน เทรดเดอร์ควรติดตาม spread ก่อนการเข้าตลาดและปรับปรุงการคำนวณ risk-reward ratio ให้สอดคล้องกับ spread ที่เพิ่มขึ้น
การตั้ง stop-loss รอบข้อมูล NFP ต้องคำนึงถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้นและโอกาสของการเกิด false breakout ขนาดของ stop-loss ควรอิงตาม volatility ของสินทรัพย์มากกว่าระดับราคาคงที่ การใช้ trailing stop เมื่อตำแหน่งเริ่มมีกำไรจะช่วยปกป้องกำไรในขณะที่ยังคงให้โอกาสในการเพิ่มผลตอบแทน
Take-profit levels ควรตั้งที่ระดับที่สมเหตุสมผลตาม technical analysis และไม่ควรมุ่งหวังผลตอบแทนที่สูงเกินไปในวันเดียว การใช้ partial profit taking โดยการปิดบางส่วนของตำแหน่งเมื่อไรได้จุดหมายแรกและปล่อยส่วนที่เหลือให้วิ่งต่อเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ
เทรดเดอร์ควรเตรียมแผนการเทรดสำหรับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากผลของข้อมูล NFP การแบ่งสถานการณ์เป็น bullish, bearish และ neutral scenarios พร้อมกับกลยุทธ์การเทรดที่สอดคล้องกับแต่ละสถานการณ์จะช่วยในการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การมี contingency plan สำหรับกรณีที่ข้อมูลออกมาผิดคาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญเป็นสิ่งจำเป็น
การติดตามข้อมูลเสริมที่เผยแพร่พร้อมกับ NFP เช่น unemployment rate และ average hourly earnings ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากบางครั้งการตอบสนองของตลาดอาจขึ้นอยู่กับข้อมูลเสริมเหล่านี้มากกว่าตัวเลข NFP เอง การเตรียมตัวสำหรับการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างรวดเร็วตามข้อมูลที่ได้รับจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงของการขาดทุน
รายงาน Non-Farm Payrolls เดือนมิถุนายน 2025 ที่จะเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะกำหนดทิศทางของตลาด CFD ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025 ความสำคัญของข้อมูลนี้เกินกว่าการเป็นเพียงตัวชี้วัดสุขภาพของตลาดแรงงานสหรัฐอเมริกา แต่ยังเป็นปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจนโยบายการเงินของ Federal Reserve ในการประชุม FOMC วันที่ 29-30 กรกฎาคม และมีผลกระทบต่อความผันผวนของสินทรัพย์ CFD ในทุกประเภท
จากการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดแรงงานปัจจุบัน พบว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ โดยการจ้างงานที่ชะลอตัวลงเป็น 139,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมและการปรับลดตัวเลขย้อนหลังรวม 95,000 ตำแหน่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรและความไม่แน่นอนทางการค้า อัตราการว่างงานที่คงที่ที่ 4.2 เปอร์เซ็นต์เป็นเดือนที่สามและค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น 3.9 เปอร์เซ็นต์ในรอบปีแสดงให้เห็นถึงสภาวะตลาดแรงงานที่อยู่ในระดับสมดุลและสอดคล้องกับเป้าหมายเงินเฟ้อของ Federal Reserve
ความเชื่อมโยงระหว่างข้อมูล NFP กับนโยบายการเงิน Federal Reserve มีความซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากธนาคารกลางต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจากนโยบายภาษีศุลกากรและความเสี่ยงด้านการเจริญเติบโตจากการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การที่ Fed คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25 ถึง 4.50 เปอร์เซ็นต์และปรับลดคาดการณ์การเจริญเติบโต GDP เป็น 1.4 เปอร์เซ็นต์สำหรับปี 2025 แสดงให้เห็นถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการผ่อนคลายนโยบายการเงินหากสถานการณ์เศรษฐกิจแย่ลง แต่ยังคงระมัดระวังเรื่องความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
ผลกระทบต่อตลาด CFD แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะที่เทรดเดอร์จำเป็นต้องทำความเข้าใจ คู่สกุลเงินหลักอย่าง EUR/USD ที่ซื้อขายที่ระดับ 1.1737 และ USD/JPY ที่ระดับ 144.71 ในสภาวะ overbought จะเผชิญกับความผันผวนสูงภายใน 15 นาทีแรกหลังการเผยแพร่ข้อมูล ดัชนีหุ้นอย่าง S&P 500 ที่ทำสถิติใหม่ที่ 6,173 จุดอาจมีความเปราะบางต่อการปรับตัวลงหาก NFP แข็งแกร่งเกินไปและลดโอกาสการลดอัตราดอกเบี้ย สินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำที่ซื้อขายที่ 3,284 ดอลลาร์ต่อออนซ์มีความสัมพันธ์เชิงลบกับ NFP และอาจได้รับประโยชน์หากข้อมูลออกมาอ่อนแอกว่าคาดการณ์
การบริหารความเสี่ยงและกลยุทธ์การเทรดรอบข้อมูล NFP ต้องการการเตรียมตัวอย่างรอบคอบและการปรับใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับระดับประสบการณ์ของแต่ละเทรดเดอร์ การลดขนาดตำแหน่งลง 50 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของปกติ การใช้ leverage อย่างระมัดระวัง และการเตรียมพร้อมสำหรับ gap risk และ spread widening ที่อาจเกิดขึ้นเป็นหลักการสำคัญที่ทุกเทรดเดอร์ควรปฏิบัติ การมีแผนการเทรดสำหรับสถานการณ์ต่างๆ และการติดตามข้อมูลเสริมอื่นๆ ที่เผยแพร่พร้อมกับ NFP จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงของการขาดทุน
ในบริบทของตลาดโลกที่มีการเชื่อมโยงกันสูง ข้อมูล NFP มิถุนายน 2025 จะมีผลกระทบที่ขยายไปยังตลาดการเงินอื่นๆ ผ่านช่องทางต่างๆ การที่ธนาคารกลางอื่นๆ อย่าง European Central Bank และ Bank of England กำลังดำเนินนโยบายการลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องทำให้ความแตกต่างของนโยบายการเงินระหว่างประเทศมีความสำคัญต่อการไหลของเงินลงทุนและการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับเทรดเดอร์ CFD ของ FXGT ข้อเสนอแนะสำคัญคือการเตรียมตัวอย่างรอบคอบก่อนการเผยแพร่ข้อมูล การมีแผนการเทรดที่ชัดเจนสำหรับสถานการณ์ต่างๆ และการยึดมั่นในหลักการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด การใช้เครื่องมือวิเคราะห์เทคนิคร่วมกับการทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐานจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจที่ถูกต้อง ความสำเร็จในการเทรดรอบข้อมูล NFP ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการคาดเดาทิศทางที่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ข้อมูล NFP มิถุนายน 2025 จึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ CFD ที่เตรียมตัวมาอย่างดี แต่ก็เป็นความเสี่ยงสำหรับผู้ที่ขาดการเตรียมตัวหรือไม่เข้าใจในผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น การศึกษาอย่างต่อเนื่องและการปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงจะเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จในการเทรด CFD ในระยะยาว