หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
สัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม 2568 นับเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับตลาดการเงินโลก ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีนำเข้า 25% กับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา รวมทั้งเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10% ซึ่งมีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคม 2568
ในขณะเดียวกัน ตลาดยังจับตามองข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ADP และดัชนีภาคบริการ ISM ของสหรัฐฯ ซึ่งจะให้ภาพรวมของทิศทางเศรษฐกิจและแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
ด้านตลาด Forex และ CFD เผชิญกับความผันผวนสูงในช่วงที่ผ่านมา โดยทองคำปรับตัวลงกว่า 3% ในรอบสัปดาห์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เนื่องจากความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงประมาณ 1% และบันทึกการปรับตัวลงรายเดือนครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแผนการเพิ่มการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัสและการกลับมาส่งออกน้ำมันของอิรักผ่านภูมิภาคเคอร์ดิสถาน
สัปดาห์ที่ 3-7 มีนาคม 2568 เต็มไปด้วยเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญที่นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเหตุการณ์เหล่านี้มีศักยภาพในการสร้างความผันผวนอย่างมีนัยสำคัญในตลาด CFD ทั้งในกลุ่มสกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น
วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม 2568
วันแรกของสัปดาห์เริ่มต้นด้วยการประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) จากหลายประเทศ โดยเฉพาะดัชนี Caixin Manufacturing PMI ของจีนที่จะประกาศเวลา 08:45 น. ตลาดคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 50.4 เทียบกับ 50.1 ในครั้งก่อน ซึ่งหากสูงกว่าคาดการณ์จะเป็นสัญญาณบวกต่อค่าเงินหยวนและสินทรัพย์เสี่ยงในภูมิภาค
ในช่วงค่ำ เวลา 22:00 น. สหรัฐฯ จะประกาศดัชนี ISM Manufacturing PMI ซึ่งมีผลกระทบสูงต่อตลาด โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 50.6 ลดลงเล็กน้อยจาก 50.9 ในเดือนก่อน หากข้อมูลออกมาต่ำกว่า 50.0 จะเป็นสัญญาณถึงการหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐฯ และอาจกดดันค่าเงินดอลลาร์
นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิต ISM และข้อมูลการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐฯ จะได้รับการเปิดเผยในช่วงเวลาเดียวกัน
วันอังคารที่ 4 มีนาคม 2568
เหตุการณ์สำคัญของวันคือการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ซึ่งจะประกาศผลเวลา 07:30 น. คาดว่า RBA จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.35% ตามการคาดการณ์ของตลาด โดยนักลงทุนจะให้ความสนใจกับรายงานการประชุมที่จะเผยแพร่ในเวลา 10:30 น. เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายในอนาคต
ในช่วงค่ำ เวลา 20:30 น. ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) อุเอดะ จะกล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งนักลงทุนจะจับตาถ้อยแถลงที่อาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของญี่ปุ่นในอนาคต
นอกจากนี้ ตลาดยังต้องติดตามมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่มีกำหนดเริ่มบังคับใช้ในวันนี้ ซึ่งอาจสร้างความผันผวนในตลาดทั่วโลก
วันพุธที่ 5 มีนาคม 2568
วันนี้เป็นวันที่มีข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการ โดยเริ่มจากการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของออสเตรเลียเวลา 07:30 น. คาดว่าจะขยายตัว 0.5% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และขยายตัว 0.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ในช่วงค่ำ เวลา 20:15 น. สหรัฐฯ จะประกาศตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ADP ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญก่อนการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 144,000 ตำแหน่ง ลดลงจาก 183,000 ตำแหน่งในเดือนก่อน
ต่อมาเวลา 22:00 น. สหรัฐฯ จะประกาศดัชนีภาคบริการ ISM ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 53.0 ลดลงเล็กน้อยจาก 53.4 ในเดือนก่อน โดยตัวเลขนี้มีความสำคัญเนื่องจากภาคบริการคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม 2568
เหตุการณ์สำคัญที่สุดของวันคือการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยจะประกาศผลเวลา 20:15 น. คาดว่า ECB จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 4.00% เป็น 3.75% ซึ่งจะเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบหลายปี ตามด้วยการแถลงข่าวของประธาน ECB คริสติน ลาการ์ด เวลา 20:45 น.
ในช่วงเวลาเดียวกัน สหรัฐฯ จะประกาศตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เวลา 20:30 น. คาดว่าจะอยู่ที่ 236,000 ราย ลดลงจาก 242,000 รายในสัปดาห์ก่อน และข้อมูลดุลการค้าเวลา 20:30 น. คาดว่าจะขาดดุล 93.1 พันล้านดอลลาร์ ดีขึ้นจาก 98.4 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก่อน
นอกจากนี้ แคนาดาจะประกาศข้อมูลดุลการค้าในเวลาเดียวกัน โดยคาดว่าจะเกินดุล 1.4 พันล้านดอลลาร์แคนาดา เพิ่มขึ้นจาก 0.7 พันล้านดอลลาร์แคนาดาในเดือนก่อน
วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2568
เหตุการณ์สำคัญที่สุดของสัปดาห์จะเกิดขึ้นในวันนี้ เมื่อสหรัฐฯ ประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) และอัตราการว่างงานประจำเดือนกุมภาพันธ์เวลา 20:30 น. คาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของการจ้างงาน 156,000 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจาก 143,000 ตำแหน่งในเดือนมกราคม และอัตราการว่างงานคาดว่าจะทรงตัวที่ 4.0%
ในเวลาเดียวกัน แคนาดาจะประกาศตัวเลขการจ้างงานและอัตราการว่างงานเช่นกัน โดยคาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของการจ้างงาน 17,800 ตำแหน่ง ลดลงจาก 76,000 ตำแหน่งในเดือนก่อน และอัตราการว่างงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6.7% จาก 6.6%
ข้อมูลค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงของสหรัฐฯ จะได้รับการเปิดเผยพร้อมกับตัวเลขการจ้างงาน โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% เทียบกับเดือนก่อนหน้า ลดลงจาก 0.5% ในเดือนมกราคม ซึ่งข้อมูลนี้มีความสำคัญต่อแนวโน้มเงินเฟ้อและการตัดสินใจของ Fed
นอกจากนี้ สมาชิก FOMC หลายท่านจะกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ ได้แก่ Christopher Waller เวลา 03:30 น. Bostic เวลา 07:00 น. และ Bowman เวลา 22:15 น. ซึ่งอาจให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ
ในสัปดาห์ที่ 3-7 มีนาคม 2568 มีเหตุการณ์เศรษฐกิจที่สำคัญหลายรายการซึ่งมีศักยภาพในการสร้างความผันผวนอย่างมีนัยสำคัญในตลาด CFD ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์เชิงลึกของเหตุการณ์สำคัญเหล่านี้และผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อตลาด
การบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ (4 มีนาคม)
ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศว่าจะบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้า 25% กับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา พร้อมทั้งเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคม 2568 นี้ มาตรการดังกล่าวมีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อตลาดการเงินโลกด้วยเหตุผลหลายประการ
ประการแรก มาตรการนี้อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางการค้าระดับโลกและกระตุ้นให้เกิดการตอบโต้จากประเทศที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดสงครามการค้าขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะกับจีนซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ และมีประวัติการตอบโต้ด้วยมาตรการที่เท่าเทียมกัน
ประการที่สอง มาตรการนี้อาจเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้นจะถูกผลักภาระไปยังผู้บริโภคในรูปของราคาสินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ Fed ต้องชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยออกไป หรือลดในอัตราที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ผลกระทบต่อตลาด CFD:
การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) (4 มีนาคม)
RBA จะประกาศผลการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 4 มีนาคม โดยคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.35% ต่อเนื่องเป็นครั้งที่สามติดต่อกัน จากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของออสเตรเลีย เงินเฟ้อในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 ลดลงเหลือ 3.4% ซึ่งยังคงอยู่เหนือเป้าหมายของ RBA ที่ 2-3%
ตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 4 ที่จะประกาศในวันรุ่งขึ้น (5 มีนาคม) จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของ RBA ในอนาคต โดยคาดว่าเศรษฐกิจออสเตรเลียจะขยายตัว 0.5% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งหากต่ำกว่าคาดการณ์อาจเพิ่มแรงกดดันให้ RBA พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือถ้อยแถลงของ RBA เกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต
ผลกระทบต่อตลาด CFD:
ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ADP ของสหรัฐฯ (5 มีนาคม)
ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ADP เป็นตัวชี้วัดสำคัญก่อนการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 144,000 ตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ ลดลงจาก 183,000 ตำแหน่งในเดือนมกราคม
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ กำลังอยู่ในช่วงของการปรับตัวหลังจากที่ร้อนแรงมาอย่างต่อเนื่อง โดยผลของนโยบายการเงินที่เข้มงวดของ Fed เริ่มส่งผลให้การจ้างงานชะลอตัวลง แต่ยังไม่ถึงระดับที่น่ากังวล
ตัวเลข ADP ที่แข็งแกร่งกว่าคาดการณ์จะเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งอาจทำให้ Fed ชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยออกไป ในทางกลับกัน หากตัวเลขต่ำกว่าคาดการณ์มาก อาจเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและเพิ่มแรงกดดันให้ Fed ลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น
ผลกระทบต่อตลาด CFD:
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ ISM ของสหรัฐฯ (5 มีนาคม)
ดัชนีภาคบริการ ISM เป็นตัวชี้วัดสำคัญของภาคบริการสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของเศรษฐกิจ คาดว่าในเดือนกุมภาพันธ์จะอยู่ที่ระดับ 53.0 ลดลงเล็กน้อยจาก 53.4 ในเดือนมกราคม แต่ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ
องค์ประกอบสำคัญที่ต้องติดตามในรายงานนี้คือดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ การจ้างงาน และราคา ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจในอนาคตและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
เนื่องจากตลาดแรงงานและภาคบริการมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ดัชนี ISM ที่แข็งแกร่งจะเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดแรงงาน ในขณะที่ดัชนีที่อ่อนแอจะบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของการจ้างงาน
ผลกระทบต่อตลาด CFD:
การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) (6 มีนาคม)
การประชุม ECB ในวันที่ 6 มีนาคมมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยคาดว่า ECB จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 4.00% เป็น 3.75% ซึ่งจะเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบหลายปี
การตัดสินใจนี้มาจากการที่เงินเฟ้อในยูโรโซนลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกุมภาพันธ์ เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.3% และเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.5% ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของ ECB ที่ 2.0% มากขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนยังคงชะลอตัว โดยเฉพาะในเยอรมนีซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือแถลงการณ์ของประธาน ECB คริสติน ลาการ์ด เกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต โดยเฉพาะเส้นทางการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2568
ผลกระทบต่อตลาด CFD:
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) และอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ (7 มีนาคม)
การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ในวันที่ 7 มีนาคมเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดของสัปดาห์ โดยคาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของการจ้างงาน 156,000 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจาก 143,000 ตำแหน่งในเดือนมกราคม และอัตราการว่างงานคาดว่าจะทรงตัวที่ 4.0%
ข้อมูลค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงจะได้รับการเปิดเผยพร้อมกับตัวเลขการจ้างงาน โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% เทียบกับเดือนก่อนหน้า ลดลงจาก 0.5% ในเดือนมกราคม ซึ่งข้อมูลนี้มีความสำคัญต่อแนวโน้มเงินเฟ้อและการตัดสินใจของ Fed
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ Fed ใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยหากตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง จะเพิ่มความยืดหยุ่นให้ Fed ในการรักษาอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ผลกระทบต่อตลาด CFD:
ข้อมูลดุลการค้าสหรัฐฯ (7 มีนาคม)
สหรัฐฯ จะประกาศข้อมูลดุลการค้าประจำเดือนมกราคมในวันเดียวกับการประกาศตัวเลขการจ้างงาน โดยคาดว่าจะขาดดุล 68.4 พันล้านดอลลาร์ ดีขึ้นเล็กน้อยจาก 93.1 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก่อน
ข้อมูลดุลการค้าเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และประสิทธิภาพของนโยบายการค้า โดยเฉพาะในบริบทของการเริ่มใช้มาตรการภาษีนำเข้าใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์
การขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลลบต่อดอลลาร์สหรัฐในระยะยาว แต่ในระยะสั้น ความเชื่อมโยงกับนโยบายการเงินของ Fed มีแนวโน้มที่จะมีอิทธิพลมากกว่า
ผลกระทบต่อตลาด CFD:
การซ้อมรบร่วมระหว่างจีนและรัสเซียในทะเลจีนใต้ (5-6 มีนาคม)
การซ้อมรบร่วมระหว่างจีนและรัสเซียในทะเลจีนใต้ช่วงวันที่ 5-6 มีนาคมมีนัยสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยอาจเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคและส่งผลกระทบต่อเส้นทางการขนส่งทางทะเลที่สำคัญ
ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีการขนส่งผ่านเส้นทางนี้เป็นจำนวนมาก
ผลกระทบต่อตลาด CFD:
สัปดาห์ที่ 3-7 มีนาคม 2568 มีแนวโน้มที่จะเป็นสัปดาห์ที่มีความผันผวนสูงสำหรับตลาด CFD ด้วยปัจจัยสำคัญหลายประการที่อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางของสินทรัพย์ต่างๆ จากการวิเคราะห์เหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญทั้งหมด เราสามารถประเมินผลกระทบโดยรวมและให้ข้อแนะนำเชิงกลยุทธ์สำหรับเทรดเดอร์ได้ดังต่อไปนี้
ภาพรวมทิศทางตลาด
นโยบายการค้าของสหรัฐฯ และการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของตลาดในสัปดาห์นี้ โดยมีประเด็นสำคัญคือ:
ผลกระทบต่อสินทรัพย์แต่ละประเภท
1. สกุลเงิน (Forex)
2. สินค้าโภคภัณฑ์
3. ดัชนีหุ้น
1. แนวทางการเทรดตามสินทรัพย์
2. การบริหารความเสี่ยง
3. ข้อแนะนำสำหรับเหตุการณ์สำคัญ
4. ข้อควรระวังเพิ่มเติม
สัปดาห์ที่ 3-7 มีนาคม 2568 มีแนวโน้มที่จะเป็นสัปดาห์ที่ท้าทายสำหรับนักลงทุนในตลาด CFD ด้วยปัจจัยสำคัญทั้งนโยบายการค้า นโยบายการเงิน ข้อมูลเศรษฐกิจ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจสร้างความผันผวนอย่างมีนัยสำคัญในสินทรัพย์ต่างๆ
การวางแผนการเทรดอย่างรอบคอบ การบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด และการติดตามเหตุการณ์สำคัญอย่างใกล้ชิดจะเป็นกุญแจสำคัญในการนำทางตลาดที่ผันผวนในสัปดาห์นี้ นักลงทุนควรเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของทิศทางตลาดอย่างรวดเร็วและปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป