หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
หุ้น Nvidia (NASDAQ: NVDA) สร้างความฮือฮาในตลาดเมื่อปรับตัวพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 3.10% ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2025 ปิดที่ราคา 117.06 ดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่สูงถึง 23.84 พันล้านหน่วย ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการปรับตัวขึ้นครั้งนี้มาจากรายงานของ Bloomberg ที่ว่ารัฐบาลทรัมป์วางแผนจะยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังประเทศจีนที่กำหนดไว้ในสมัยประธานาธิบดีไบเดน
ในมุมมองภาพรวม ราคาหุ้น Nvidia ปัจจุบันอยู่ห่างจากราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 153.13 ดอลลาร์ประมาณ 30.8% และอยู่สูงกว่าราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 86.62 ดอลลาร์ประมาณ 26% สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวในกรอบราคาที่กว้าง (trading range) ท่ามกลางความผันผวนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและนโยบายการค้าระหว่างประเทศ
การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านการส่งออกชิป AI มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ Nvidia เนื่องจาก CEO Jensen Huang เองได้ระบุว่าการถูกปิดกั้นจากตลาด AI ของจีนจะเป็น “ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่” โดยคาดการณ์ว่าตลาด AI ของจีนจะมีมูลค่าประมาณ 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ในเดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ระบุว่าคาดว่าจะมีการขาดทุน 5.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ จำกัดการส่งชิป H20 ของ Nvidia ไปยังจีนโดยไม่มีใบอนุญาต
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลทางเทคนิคในกรอบเวลาหลายระดับ (multiple timeframes) เราพบว่าหุ้น Nvidia กำลังแสดงสัญญาณเริ่มฟื้นตัวในรูปแบบแนวโน้มขาขึ้นระยะกลาง แม้ว่าในระยะสั้นอาจยังคงมีความผันผวนอยู่บ้าง นักเทรดและนักลงทุนควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเหตุการณ์สำคัญสองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ ได้แก่ การเปิดเผยกฎ AI diffusion ใหม่ในวันที่ 15 พฤษภาคม และการประกาศผลประกอบการในวันที่ 28 พฤษภาคม 2025 ซึ่งอาจเป็นตัวเร่งให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ การเจรจาการค้าระดับสูงระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่จะมีขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม เนื่องจากผลลัพธ์ของการเจรจาจะส่งผลโดยตรงต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศและอาจส่งผลต่อนโยบายการส่งออกเทคโนโลยีในอนาคต
โดยสรุป หุ้น Nvidia กำลังอยู่ในจุดที่น่าสนใจสำหรับการเทรด CFD โดยมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกและการเข้าถึงตลาดจีนที่มีมูลค่าสูง อย่างไรก็ตาม นักเทรดควรติดตามพัฒนาการของนโยบายการค้าและเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในเดือนนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์การเทรดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์เศรษฐกิจและนโยบายที่มีผลกระทบสูงต่อหุ้น Nvidia ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2025 มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางแผนกลยุทธ์การเทรด CFD ทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง นักลงทุนควรติดตามเหตุการณ์สำคัญต่อไปนี้อย่างใกล้ชิด:
ทำเนียบขาวคาดว่าจะเปิดเผยกฎ AI diffusion ใหม่ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2025 ซึ่งจะระบุถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบาย AI ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกชิปไปยังจีนและประเทศอื่นๆ ตามรายงานล่าสุด รัฐบาลทรัมป์จะไม่บังคับใช้กฎ AI diffusion ที่กำหนดไว้ในสมัยประธานาธิบดีไบเดน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ระบุว่ากฎระเบียบเดิมนั้น “ซับซ้อนเกินไป” และ “เป็นระบบราชการมากเกินไป” การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อหุ้น Nvidia และอาจเป็นตัวเร่งให้ราคาปรับตัวขึ้นในระยะสั้น
Nvidia มีกำหนดจะประกาศผลประกอบการในวันที่ 28 พฤษภาคม 2025 ซึ่งจะเป็นการเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของข้อจำกัดการส่งออกที่มีต่อรายได้ของบริษัท และอาจมีการปรับประมาณการรายได้สำหรับไตรมาสถัดไปหากมีการผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีน นักวิเคราะห์จาก UBS ได้ประเมินว่า Nvidia อาจได้รับผลกระทบต่อรายได้รายไตรมาสระหว่าง 5-7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากข้อจำกัดการขายไปยังจีน ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงนโยบายอาจส่งผลให้ตัวเลขประมาณการในอนาคตปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การเจรจาการค้าระดับสูงระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่กำหนดจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศ แม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะแสดงท่าทีไม่เต็มใจที่จะลดภาษีสินค้าจีนเพื่อดึงปักกิ่งเข้าสู่โต๊ะเจรจา แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าการประชุมที่เจนีวาอาจช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางการค้าได้ ผลลัพธ์ของการเจรจานี้จะส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของตลาดในกลุ่มเทคโนโลยีโดยเฉพาะบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับจีนอย่าง Nvidia
แม้จะไม่ใช่เหตุการณ์ในเดือนพฤษภาคม แต่ตลาดจะเริ่มคาดการณ์ผลการประชุมของ Fed ในเดือนมิถุนายน 2025 ซึ่งอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ความคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายการเงินนี้จะส่งผลต่อการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีรวมถึง Nvidia เนื่องจากหุ้นกลุ่มนี้มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากอัตราส่วน P/E ที่สูงของ Nvidia ทำให้การเปลี่ยนแปลงในต้นทุนของเงินทุนมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการประเมินมูลค่า
ข้อมูลเงินเฟ้อและตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่จะประกาศในเดือนพฤษภาคมจะเป็นตัวบ่งชี้สำคัญถึงทิศทางของเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายการเงินในอนาคต ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอาจทำให้ Fed ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจส่งผลลบต่อหุ้นเทคโนโลยีในระยะสั้น ในทางกลับกัน หากตัวเลขเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ อาจเร่งให้ Fed พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ซึ่งอาจส่งผลบวกต่อหุ้น Nvidia
ในช่วงเดือนพฤษภาคม นักลงทุนควรติดตามประกาศจากบริษัทคู่แข่งของ Nvidia โดยเฉพาะ AMD ซึ่งอาจมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายการค้าและข้อจำกัดการส่งออกที่มีต่อธุรกิจของพวกเขา ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนประเมินภาพรวมของอุตสาหกรรมและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ดียิ่งขึ้น
เหตุการณ์เศรษฐกิจเหล่านี้จะกำหนดทิศทางของหุ้น Nvidia ในช่วงเดือนพฤษภาคมและต้นเดือนมิถุนายน 2025 นักเทรด CFD ควรกำหนดกลยุทธ์การเทรดโดยคำนึงถึงเหตุการณ์เหล่านี้ และเตรียมพร้อมที่จะปรับกลยุทธ์ตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดตามการเปิดเผยกฎ AI diffusion ใหม่และการประกาศผลประกอบการของ Nvidia ซึ่งมีแนวโน้มจะสร้างความผันผวนและโอกาสในการเทรดอย่างมีนัยสำคัญ
การวิเคราะห์กราฟของหุ้น Nvidia (NVDA) ในหลายกรอบเวลาช่วยให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนของแนวโน้มปัจจุบันและโอกาสในการเทรด โดยเฉพาะในช่วงที่มีปัจจัยพื้นฐานสำคัญเข้ามากระทบ ดังนี้
หุ้น Nvidia ในกรอบเวลารายวันแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวในรูปแบบ Consolidation Phase หลังจากปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดที่ 153.13 ดอลลาร์ โดยราคาปัจจุบันที่ 117.06 ดอลลาร์กำลังเคลื่อนตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ SMA #1 และ SMA #2 ซึ่งเป็นสัญญาณบวกในระยะสั้นถึงระยะกลาง อย่างไรก็ตาม ราคายังคงอยู่ต่ำกว่า SMA #3 และ SMA #4 ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มในระยะยาวยังไม่ได้กลับตัวเป็นขาขึ้นอย่างสมบูรณ์
ค่า RSI ในกรอบรายวันปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 58.34 จากเดิมที่อยู่ต่ำกว่า 50 แสดงถึงโมเมนตัมที่เริ่มกลับมาเป็นบวก แต่ยังไม่ถึงระดับซื้อมากเกินไป (Overbought) ที่ 70 ซึ่งหมายความว่ายังมีพื้นที่ให้ราคาปรับตัวขึ้นต่อได้ในระยะสั้น นอกจากนี้ MACD Line ยังเริ่มตัดขึ้นเหนือ Signal Line สร้าง Histogram เป็นบวก ยืนยันสัญญาณการเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นถึงระยะกลาง
การเกิด Regular Bullish Signal ในช่วง 3 วันที่ผ่านมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเป็นการยืนยันแรงซื้อที่กลับเข้ามาในตลาด ซึ่งสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานเรื่องการยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีน
ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง (H4) เราเห็น Up Fractal เกิดขึ้น 3 จุดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างแนวต้านสำคัญที่ระดับประมาณ 124 ดอลลาร์ ในขณะที่ Down Fractal สร้างแนวรับสำคัญที่ประมาณ 105 ดอลลาร์ ทำให้ราคาเคลื่อนตัวในกรอบระหว่าง 105-124 ดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา
เมื่อพิจารณา Stochastic Oscillator ในกรอบเวลารายชั่วโมง (H1) พบว่าเส้น %K ตัดขึ้นเหนือเส้น %D ที่ระดับต่ำกว่า 30 เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นสัญญาณซื้อที่แข็งแกร่ง บ่งชี้ว่าราคาอาจเริ่มการปรับตัวขึ้นในระยะสั้น โดยมีเป้าหมายแรกที่แนวต้านในกรอบเวลา H1 ที่ประมาณ 120 ดอลลาร์
รูปแบบราคาที่น่าสนใจในกรอบเวลา H4 คือการเกิด Higher Lows ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะยังไม่สามารถสร้าง Higher Highs ได้อย่างชัดเจน ซึ่งบ่งชี้ถึงความพยายามในการสร้างแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง หากราคาสามารถปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้านที่ 124 ดอลลาร์ได้ จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางอย่างชัดเจน
ในกรอบเวลา 30 นาที (M30) พบการเกิด Bullish Divergence ระหว่างราคาและ RSI ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา โดยราคาทำจุดต่ำสุดที่ต่ำลง (Lower Lows) แต่ RSI กลับทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (Higher Lows) ซึ่งเป็นสัญญาณว่าแรงขายกำลังอ่อนแรงลงและราคามีโอกาสที่จะกลับตัวขึ้น
การเคลื่อนตัวของเส้นค่าเฉลี่ยในกรอบเวลา 15 นาที (M15) แสดงให้เห็นว่า SMA #1 และ SMA #2 เริ่มไขว้กันขึ้น (Golden Cross) ซึ่งเป็นสัญญาณซื้อในระยะสั้น ประกอบกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้น ยืนยันว่ามีแรงซื้อเข้ามาในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อพิจารณาการเคลื่อนไหวของราคาในภาพรวม พบว่าหุ้น Nvidia กำลังสร้างรูปแบบ Inverse Head and Shoulders ในกรอบเวลารายวัน โดยมีไหล่ซ้ายในช่วงกลางเดือนมีนาคม ศีรษะในช่วงกลางเดือนเมษายน และกำลังสร้างไหล่ขวาในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ หากรูปแบบนี้สมบูรณ์และราคาสามารถทะลุเส้น Neckline ที่ประมาณ 124 ดอลลาร์ได้ เป้าหมายของการปรับตัวขึ้นอาจอยู่ที่ประมาณ 133-138 ดอลลาร์
อีกรูปแบบที่น่าสนใจคือการเกิด Bull Flag ในกรอบเวลา H4 หลังจากการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในวันที่ 7 พฤษภาคม (Flagpole) ตามด้วยการพักตัวในแนวราบหรือลงเล็กน้อย (Flag) ซึ่งหากรูปแบบนี้สมบูรณ์และราคาทะลุขอบบนของ Flag ขึ้นไปได้ เป้าหมายของการปรับตัวขึ้นอาจอยู่ที่ประมาณ 124-126 ดอลลาร์
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคในหลายกรอบเวลา พบว่าหุ้น Nvidia กำลังแสดงสัญญาณการฟื้นตัวในระยะสั้นถึงระยะกลาง โดยมีปัจจัยสนับสนุนทั้งจากเครื่องมือทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานเรื่องการยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีน
แนวรับสำคัญในระยะสั้นอยู่ที่ประมาณ 110-112 ดอลลาร์ และแนวรับสำคัญถัดไปอยู่ที่ประมาณ 105 ดอลลาร์ ในขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ประมาณ 120 ดอลลาร์ และแนวต้านสำคัญถัดไปอยู่ที่ประมาณ 124 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับ Neckline ของรูปแบบ Inverse Head and Shoulders
โมเมนตัมปัจจุบันเป็นบวกในระยะสั้นถึงระยะกลาง แต่นักเทรดควรติดตามปริมาณการซื้อขายอย่างใกล้ชิด หากราคาเคลื่อนตัวขึ้นพร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง และหากราคาสามารถทะลุแนวต้านที่ 124 ดอลลาร์ได้ จะเปิดทางให้ราคาปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 133-138 ดอลลาร์
นักเทรดควรให้ความสำคัญกับการติดตามเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม โดยเฉพาะการเปิดเผยกฎ AI diffusion ใหม่ในวันที่ 15 พฤษภาคม และการประกาศผลประกอบการในวันที่ 28 พฤษภาคม ซึ่งอาจเป็นตัวเร่งให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาอย่างมีนัยสำคัญ
การระบุระดับแนวต้านสำคัญ (Key Resistance Levels) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการวางแผนกลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพ สำหรับหุ้น Nvidia เราสามารถระบุแนวต้านสำคัญหลายระดับที่นักเทรดควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ พร้อมทั้งวิเคราะห์ความสำคัญและนัยยะของการทะลุผ่านแนวต้านแต่ละระดับ
แนวต้านระดับแรกอยู่ที่ 120 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ราคาเคยปรับตัวขึ้นมาทดสอบหลายครั้งในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาแต่ไม่สามารถผ่านไปได้อย่างยั่งยืน ระดับนี้มีความสำคัญในกรอบเวลารายชั่วโมง (H1) และ 4 ชั่วโมง (H4) โดยมีจุดสังเกตสำคัญดังนี้:
หากราคาสามารถปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 120 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคงพร้อมปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น จะเป็นสัญญาณบวกในระยะสั้น และเปิดทางไปสู่การทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 124 ดอลลาร์
ระดับนี้คือราคาเฉลี่ยในช่วง 52 สัปดาห์ของหุ้น Nvidia ซึ่งมีความสำคัญเชิงจิตวิทยาและเป็นระดับที่นักวิเคราะห์ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยมีความสำคัญดังนี้:
การทะลุผ่านระดับนี้จะเป็นการยืนยันว่าราคาอยู่ในช่วงที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว ซึ่งเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
นี่คือแนวต้านสำคัญมากที่สุดในระยะกลาง เนื่องจากเป็นระดับ Neckline ของรูปแบบ Inverse Head and Shoulders ที่กำลังก่อตัวในกรอบเวลารายวัน นอกจากนี้ยังมีความสำคัญทางเทคนิคหลายประการ:
การทะลุผ่าน 124 ดอลลาร์จะเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่แข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นพร้อมปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งจะเปิดทางไปสู่การปรับตัวขึ้นที่มีนัยสำคัญ โดยเป้าหมายทางเทคนิคจากรูปแบบ Inverse Head and Shoulders อยู่ที่ประมาณ 133-138 ดอลลาร์
ช่วงราคานี้เป็นเป้าหมายที่คำนวณจากรูปแบบ Inverse Head and Shoulders หากราคาทะลุ Neckline ที่ 124 ดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีความสำคัญทางเทคนิคอื่นๆ:
การทะลุผ่านช่วงราคานี้จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางถึงระยะยาว และอาจนำไปสู่การทดสอบจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 153.13 ดอลลาร์
นี่คือจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ของหุ้น Nvidia ซึ่งเป็นแนวต้านสูงสุดในระยะยาว การทะลุผ่านระดับนี้จะเป็นการสร้างจุดสูงสุดใหม่ (All-Time High) และยืนยันแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ราคาจะสามารถขึ้นไปทดสอบระดับนี้ได้ จะต้องผ่านแนวต้านหลายระดับตามที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งอาจต้องใช้เวลาและแรงซื้อที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานเชิงบวก เช่น การประกาศยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนอย่างเป็นทางการ และผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในวันที่ 28 พฤษภาคม 2025
นักเทรดควรติดตามปัจจัยต่อไปนี้ซึ่งอาจเป็นตัวเร่งให้ราคาทะลุแนวต้านสำคัญ:
โดยสรุป แนวต้านสำคัญของหุ้น Nvidia เรียงลำดับจากระยะใกล้ไปไกลคือ 120, 123.39, 124, 133-138 และ 153.13 ดอลลาร์ นักเทรด CFD ควรใช้ระดับเหล่านี้ในการวางแผนกำหนดเป้าหมายกำไร และติดตามปริมาณการซื้อขายเมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านเหล่านี้ เพื่อประเมินโอกาสในการทะลุผ่านและกำหนดกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม
การระบุระดับแนวรับสำคัญสำหรับหุ้น Nvidia มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการจัดการความเสี่ยงและการกำหนดจุดตัดขาดทุนที่เหมาะสม โดยเฉพาะในสภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูงจากปัจจัยด้านนโยบายการค้าและกฎระเบียบการส่งออก แนวรับสำคัญที่ควรติดตามมีดังต่อไปนี้:
แนวรับแรกสำหรับหุ้น Nvidia อยู่ในช่วง 112-114 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่มีความสำคัญทางเทคนิคหลายประการ:
หากราคาปรับตัวลงมาทดสอบระดับนี้ นักเทรดควรติดตามปริมาณการซื้อขายและรูปแบบราคา หากมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับการฟื้นตัวของราคา จะเป็นสัญญาณที่ดีว่าแนวรับนี้ยังคงแข็งแกร่ง และอาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสำหรับผู้ที่มองหาจุดเข้าตลาดที่เหมาะสม
นี่เป็นแนวรับสำคัญในระยะกลางที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนดังนี้:
การหลุดระดับ 105 ดอลลาร์อย่างมีนัยสำคัญ (พร้อมปริมาณการซื้อขายสูง) จะเป็นสัญญาณเตือนว่าแรงซื้อกำลังอ่อนแรงลง และอาจนำไปสู่การปรับฐานที่ลึกขึ้น นักเทรดควรพิจารณาปรับกลยุทธ์หรือออกจากตลาดหากเกิดเหตุการณ์นี้
แนวรับนี้เป็นระดับสำคัญในระยะยาวที่ควรติดตามหากราคาหลุดแนวรับที่ 105 ดอลลาร์ โดยมีความสำคัญดังนี้:
การหลุดแนวรับนี้จะเป็นสัญญาณลบที่แข็งแกร่ง บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเป็นขาลงในระยะกลาง และอาจนำไปสู่การปรับตัวลงสู่ระดับ 88-90 ดอลลาร์
นี่คือแนวรับแข็งแกร่งที่สุดในระยะยาว เนื่องจากใกล้เคียงกับจุดต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 86.62 ดอลลาร์ ระดับนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งดังนี้:
การหลุดระดับนี้จะเป็นสัญญาณลบอย่างมากและอาจนำไปสู่การปรับตัวลงอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ราคาจะลงมาถึงระดับนี้ในระยะสั้นถึงระยะกลางมีค่อนข้างน้อย เว้นแต่จะมีปัจจัยลบที่รุนแรงมากระทบ เช่น การล้มเหลวในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หรือการคงไว้ซึ่งข้อจำกัดการส่งออกชิป AI อย่างเข้มงวด
นักเทรดควรติดตามปัจจัยต่อไปนี้ซึ่งอาจทำให้ราคาปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับสำคัญ:
สำหรับนักเทรดที่เข้าซื้อหุ้น Nvidia ที่ราคาปัจจุบัน การกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่เหมาะสมควรพิจารณาดังนี้:
นอกจากนี้ นักเทรดอาจพิจารณาใช้แนวรับเหล่านี้เป็นจุดเข้าซื้อเพิ่มเติม หากราคาปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับและแสดงสัญญาณการกลับตัวที่แข็งแกร่ง เช่น การเกิด Bullish Engulfing Pattern หรือ Hammer Pattern พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
โดยสรุป การติดตามและเข้าใจแนวรับสำคัญของหุ้น Nvidia ที่ระดับ 112-114, 105-107, 96-98 และ 86-88 ดอลลาร์ จะช่วยให้นักเทรด CFD สามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และระบุโอกาสในการเข้าซื้อที่เหมาะสม พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของหุ้น Nvidia มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่บริษัทกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการค้าระหว่างประเทศและข้อจำกัดการส่งออกเทคโนโลยี การพิจารณาปัจจัยพื้นฐานอย่างครบถ้วนจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจภาพรวมของบริษัทและประเมินแนวโน้มในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนโดยรัฐบาลทรัมป์ถือเป็นปัจจัยเชิงบวกที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันสำหรับ Nvidia โดยมีรายละเอียดที่ควรพิจารณาดังนี้:
แม้จะมีผลกระทบจากข้อจำกัดการส่งออก แต่ Nvidia ยังคงมีพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง ดังนี้:
ภาพรวมของอุตสาหกรรมยังคงเป็นบวกสำหรับ Nvidia โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญดังนี้:
นักลงทุนควรตระหนักถึงปัจจัยความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อหุ้น Nvidia ดังนี้:
จากการพิจารณาปัจจัยพื้นฐานทั้งหมด เราคาดการณ์ว่า Nvidia มีแนวโน้มเชิงบวกในระยะกลางถึงระยะยาว โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญดังนี้:
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามปัจจัยความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อแนวโน้มในอนาคตของ Nvidia
โดยสรุป ปัจจัยพื้นฐานของ Nvidia ยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงโอกาสในการฟื้นฟูรายได้จากตลาดจีนและการเติบโตของอุตสาหกรรม AI ทั่วโลก ซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ชี้ถึงโอกาสในการปรับตัวขึ้นในระยะสั้นถึงระยะกลาง
จากการวิเคราะห์ทั้งปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิคของหุ้น Nvidia (NVDA) เราสามารถสรุปได้ว่าบริษัทกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจสร้างโอกาสการเทรดที่น่าสนใจทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการส่งออกชิป AI ไปยังจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงถึง 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
หุ้น Nvidia ที่ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ราคา 117.06 ดอลลาร์สหรัฐกำลังเคลื่อนตัวในกรอบการซื้อขายที่สำคัญระหว่าง 105-124 ดอลลาร์ โดยการทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 124 ดอลลาร์จะเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ในขณะที่การหลุดแนวรับที่ 105 ดอลลาร์จะเป็นสัญญาณเตือนถึงความอ่อนแอของตลาด ข้อมูลทางเทคนิคในหลายกรอบเวลาสะท้อนถึงโมเมนตัมเชิงบวกในระยะสั้นถึงระยะกลาง โดยเฉพาะการเกิด Bullish Divergence ใน RSI และสัญญาณซื้อจาก MACD และ Stochastic Oscillator
เหตุการณ์สำคัญสองเหตุการณ์ที่นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิดในเดือนพฤษภาคมนี้ ได้แก่ การเปิดเผยกฎ AI diffusion ใหม่ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2025 และการประกาศผลประกอบการของ Nvidia ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2025 เหตุการณ์เหล่านี้มีแนวโน้มสูงที่จะสร้างความผันผวนและเป็นตัวเร่งให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ผลลัพธ์ของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เจนีวาในสัปดาห์นี้ก็จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของตลาดและทิศทางของหุ้น Nvidia ด้วยเช่นกัน
สำหรับนักเทรด CFD ที่สนใจเข้าซื้อหุ้น Nvidia เราแนะนำกลยุทธ์การเทรดดังนี้:
กลยุทธ์ระยะสั้น (1-2 สัปดาห์): พิจารณาเข้าซื้อเมื่อราคาปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับที่ 112-114 ดอลลาร์ โดยตั้งเป้าหมายกำไรที่ 120 ดอลลาร์ในระยะแรก และ 124 ดอลลาร์ในระยะถัดไป กำหนดจุดตัดขาดทุนที่ต่ำกว่าแนวรับ 110 ดอลลาร์เล็กน้อย ควรให้ความสำคัญกับปริมาณการซื้อขายและรูปแบบราคาที่เกิดขึ้น เพื่อยืนยันสัญญาณการกลับตัว
กลยุทธ์ระยะกลาง (2-4 สัปดาห์): ใช้กลยุทธ์ “ซื้อเมื่อหลุด” (Breakout Strategy) โดยเข้าซื้อเมื่อราคาทะลุแนวต้านที่ 124 ดอลลาร์พร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ตั้งเป้าหมายกำไรที่ 133-138 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นเป้าหมายจากรูปแบบ Inverse Head and Shoulders กำหนดจุดตัดขาดทุนที่ต่ำกว่า 120 ดอลลาร์
กลยุทธ์การเทรดเหตุการณ์: อีกทางเลือกหนึ่งคือการเทรดรอบเหตุการณ์สำคัญ โดยเข้าซื้อ 1-2 วันก่อนการเปิดเผยกฎ AI diffusion ใหม่ในวันที่ 15 พฤษภาคม หากมีสัญญาณบวกจากการเจรจาการค้าที่เจนีวา และพิจารณาทำกำไรบางส่วนหลังประกาศ หรืออาจถือต่อเพื่อรอผลประกอบการในวันที่ 28 พฤษภาคม หากประมาณการและแนวโน้มยังคงเป็นบวก
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังปัจจัยความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ความเป็นไปได้ที่ข้อจำกัดการส่งออกบางส่วนยังคงมีอยู่ และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ นอกจากนี้ ยังควรคำนึงถึงความผันผวนของตลาดโดยรวมที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายการเงินของ Fed และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
โดยสรุป หุ้น Nvidia นำเสนอโอกาสการเทรดที่น่าสนใจในช่วงเดือนพฤษภาคม 2025 นี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนทั้งจากปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิค นักเทรด CFD ควรกำหนดกลยุทธ์ที่ชัดเจน ตั้งเป้าหมายกำไรและจุดตัดขาดทุนที่เหมาะสม และติดตามเหตุการณ์สำคัญอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป การผสมผสานระหว่างการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานจะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาดที่มีความผันผวน