หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
คู่สกุลเงิน NZDCAD แสดงการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (21-25 เมษายน 2525) ท่ามกลางปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคที่ซับซ้อนและความผันผวนของตลาดการเงินโลก ราคาเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 0.809 ถึง 0.832 โดยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นอย่างจำกัด แม้จะมีแรงกดดันจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ในฐานะประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีนเป็นหลัก
ในระดับนโยบายการเงิน เราเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างสองประเทศ ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) มีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 25 bps ในการประชุมวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อประจำปีของนิวซีแลนด์จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5% ในไตรมาสแรกของปี 2525 ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.3% แต่เนื่องจากการวัดอัตราเงินเฟ้อหลักยังคงลดลง โดยอัตรากลางที่ถ่วงน้ำหนักลดลงเหลือ 2.2% จาก 2.6% ในขณะที่ธนาคารกลางแคนาดายังคงรักษาอัตราดอกเบี้ย Overnight Rate ไว้ที่ 2.75% สะท้อนถึงความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงินท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
ปัจจัยสำคัญที่เราต้องจับตามองในสัปดาห์นี้คือการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ โดยดัชนีดอลลาร์ลดลง 1.1% แตะที่ระดับ 98.2781 ในวันจันทร์ที่ 21 เมษายน ซึ่งส่งผลบวกต่อสกุลเงินอื่นๆ รวมถึงดอลลาร์นิวซีแลนด์ นอกจากนี้ ตลาดยังต้องเผชิญกับความผันผวนที่เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากการโจมตีของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อประธานเฟด เจอโรม พาวเวล
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค NZDCAD ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น โดยมีสัญญาณซื้อจากทั้งค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นและระยะยาว แต่ในระยะกลาง (3 เดือน) มีความเสี่ยงที่ราคาอาจปรับตัวลดลงประมาณ 1.01% ตามการคาดการณ์ ดังนั้น นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์การเทรดที่ยืดหยุ่น โดยอาจพิจารณาเข้าซื้อในจังหวะที่ราคาย่อตัวลงมาที่แนวรับสำคัญ และพิจารณาปิดกำไรเมื่อราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนการประชุมของธนาคารกลางนิวซีแลนด์
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาและช่วงต่อไป มีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจสำคัญหลายประการที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงิน NZDCAD ซึ่งนักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด
อัตราเงินเฟ้อประจำปีของนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นเป็น 2.5% ในไตรมาสแรกของปี 2525 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.3% นับเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกของอัตราเงินเฟ้อประจำปีตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปี 2522 แม้ว่าตัวเลขนี้จะสูงกว่าคาด แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ภายในกรอบเป้าหมาย 1-3% ของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นสัญญาณว่าแรงกดดันด้านราคาในประเทศกำลังเริ่มผ่อนคลายลง โดยเฉพาะในภาคที่อยู่อาศัย ซึ่งเคยเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเงินเฟ้อในนิวซีแลนด์
ตลาดคาดว่าธนาคารกลางนิวซีแลนด์จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 25 bps ในการประชุมวันที่ 28 พฤษภาคม 2525 แม้จะมีข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด แต่ด้วยการวัดอัตราเงินเฟ้อหลักที่ยังคงลดลง (อัตรากลางที่ถ่วงน้ำหนักลดลงเหลือ 2.2% จาก 2.6%) ทำให้การคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยนักวิเคราะห์คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงต่ำสุดที่ 2.75% ในช่วงสิ้นปีนี้ การลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวอาจส่งผลกดดันค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ในระยะกลาง
ในทางตรงข้าม ธนาคารกลางแคนาดาได้คงอัตราดอกเบี้ย Overnight Rate ไว้ที่ 2.75% ซึ่งสะท้อนถึงความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงินท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ความแตกต่างในทิศทางนโยบายการเงินระหว่างสองประเทศนี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงิน NZDCAD ในระยะต่อไป
ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศภาษี 145% ต่อสินค้าจากจีน นำไปสู่มาตรการตอบโต้จากรัฐบาลจีน นิวซีแลนด์ในฐานะประเทศที่พึ่งพาการส่งออกไปยังจีนเป็นหลัก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งนี้ แม้ว่าจะมีรายงานว่าการเจรจาจะดำเนินต่อไปจนกว่าระยะเวลา 90 วันจะสิ้นสุดในต้นเดือนกรกฎาคม แต่ความไม่แน่นอนยังคงส่งผลกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักในวันจันทร์ที่ 21 เมษายน 2568 ลดลง 971.82 จุด หรือ -2.48% หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ เดินหน้าโจมตีเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด ความผันผวนในตลาดหุ้นและความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกมีผลต่อความเสี่ยงในตลาดเงินตราต่างประเทศ โดยในช่วงที่ตลาดมีความกังวลสูง สกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เช่น NZD มักจะอ่อนค่าลง
ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนควรจับตามองข้อมูล PMI แบบฉับพลันสำหรับเดือนเมษายน ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ ข้อมูลนี้จะให้ภาพสะท้อนเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกในเศรษฐกิจหลักที่พัฒนาแล้วและประเทศอื่นๆ เช่น อินเดีย หากข้อมูลออกมาต่ำกว่าคาด อาจส่งผลลบต่อสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูง รวมถึง NZD
การติดตามเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจเหล่านี้อย่างใกล้ชิดจะช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงิน NZDCAD ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และปรับกลยุทธ์การเทรดให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
การวิเคราะห์กราฟของคู่สกุลเงิน NZDCAD ในหลากหลายกรอบเวลาช่วยให้เห็นภาพรวมของแนวโน้มตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในส่วนนี้ เราจะวิเคราะห์รูปแบบทางเทคนิคที่สำคัญตั้งแต่กรอบเวลารายวันจนถึงกรอบเวลา 5 นาที เพื่อระบุโอกาสในการเทรดที่มีศักยภาพ
ในกรอบเวลารายวัน คู่สกุลเงิน NZDCAD แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนนับตั้งแต่จุดกลับตัวเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2525 โดยปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 5.27% จากระดับต่ำสุด ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (SMA) ทั้งระยะสั้นและระยะยาวกำลังปรับตัวขึ้น โดย SMA ระยะสั้นอยู่เหนือ SMA ระยะยาว ซึ่งเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาขึ้น
ดัชนี RSI ในกรอบเวลารายวันอยู่ที่ระดับประมาณ 58 ซึ่งแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งพอสมควร แต่ยังไม่ถึงระดับภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) ที่ 70 นั่นหมายความว่ายังมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นต่อไปได้ในระยะสั้น ในขณะที่ MACD ยังคงอยู่เหนือเส้นสัญญาณ (Signal Line) และค่า Histogram เป็นบวก ซึ่งเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นปัจจุบัน
จุดสำคัญที่ควรสังเกตในกรอบเวลานี้คือจุด Up Fractal ล่าสุดที่ระดับ 0.832 ซึ่งอาจกลายเป็นแนวต้านสำคัญในระยะสั้น และจุด Down Fractal ที่ระดับ 0.809 ซึ่งเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง โดยหากราคาสามารถทะลุผ่านแนวต้าน 0.832 ขึ้นไปได้ อาจเป็นสัญญาณของการปรับตัวขึ้นต่อไปในระยะกลาง
ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง เราเห็นการก่อตัวของ Bullish Flag Pattern ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรูปแบบการพักตัวชั่วคราวก่อนที่ราคาจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไป ค่า Stochastic Oscillator (%K และ %D) กำลังเคลื่อนตัวจากพื้นที่ภาวะขายมากเกินไป (Oversold) และเริ่มตัดกันขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณซื้อที่น่าสนใจ
MACD ในกรอบเวลานี้แสดงการลู่เข้าเข้าหากัน (Convergence) ระหว่างเส้น MACD และเส้นสัญญาณ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรรอสัญญาณยืนยันจากการตัดขึ้นของเส้น MACD เหนือเส้นสัญญาณก่อนที่จะพิจารณาเข้าซื้อ
ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง ราคา NZDCAD กำลังเคลื่อนตัวในกรอบแคบระหว่าง 0.828 ถึง 0.832 ในช่วงวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีปริมาณการซื้อขายที่ลดลงเนื่องจากตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ปิดทำการในวันศุกร์ที่ 25 เมษายน
ค่า RSI ในกรอบเวลานี้อยู่ที่ระดับปานกลางประมาณ 52 ซึ่งไม่ได้บ่งชี้ถึงภาวะซื้อหรือขายมากเกินไป แต่เราสังเกตเห็น Regular Bullish Pattern ล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 เมษายน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการปรับตัวขึ้นในระยะสั้น
สิ่งที่น่าสนใจในกรอบเวลานี้คือการทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะ 50 ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่บ่งชี้ถึงแรงซื้อที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระวังแนวต้านสำคัญที่ระดับ 0.832 ซึ่งเป็นจุดที่ราคาเคยถูกปฏิเสธมาแล้วหลายครั้ง
ในกรอบเวลาที่สั้นลงมา เช่น 30 นาที 15 นาที และ 5 นาที เราสามารถระบุจุดเข้าซื้อขายเชิงกลยุทธ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในกรอบเวลา 30 นาที ราคากำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้แนวรับของช่องสัญญาณขาขึ้น (Bullish Channel) ซึ่งอาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อที่น่าสนใจ
ในกรอบเวลา 15 นาทีและ 5 นาที เราเห็นการก่อตัวของรูปแบบ Bullish Divergence ระหว่างราคาและ RSI ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า แต่ค่า RSI กลับทำจุดต่ำสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า นี่เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการอ่อนแรงลงของแรงขายและโอกาสในการกลับตัวขึ้นในระยะสั้น
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคในหลากหลายกรอบเวลา เราสามารถสรุปได้ว่า NZDCAD มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นในระยะสั้น โดยมีสัญญาณบวกจากหลายเครื่องมือทางเทคนิค ทั้ง SMA, RSI, Stochastic และ MACD อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังแนวต้านสำคัญที่ระดับ 0.832 และแนวรับที่ระดับ 0.820 และ 0.810
กลยุทธ์ที่เหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบันคือการพิจารณาเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการยืนยันจากเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เช่น การตัดขึ้นของ Stochastic หรือ MACD และควรวางแผนปิดกำไรเมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงจากการกลับตัวลง
การวิเคราะห์ระดับแนวต้านที่สำคัญมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนในการวางแผนกลยุทธ์การเทรด โดยเฉพาะในการกำหนดจุดทำกำไร (Take Profit) และประเมินความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงของราคา สำหรับคู่สกุลเงิน NZDCAD เราได้วิเคราะห์ระดับแนวต้านสำคัญโดยใช้หลากหลายเครื่องมือทางเทคนิค ทั้งจุด Fractal, ระดับ Fibonacci Retracement, และแนวต้านทางจิตวิทยา
ระดับ 0.832 เป็นแนวต้านระยะสั้นที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากเป็นจุดสูงสุดล่าสุดที่ราคาเคยไปถึงในวันที่ 22 เมษายน 2525 (High: 0.832118) และยังเป็นจุด Up Fractal ที่เห็นได้ชัดในกรอบเวลารายวัน นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับระดับ 38.2% Fibonacci Retracement เมื่อวัดจากจุดต่ำสุดในเดือนตุลาคม 2524 ถึงจุดสูงสุดในเดือนธันวาคม 2524
การทะลุผ่านแนวต้านนี้ขึ้นไปได้อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น จะเป็นสัญญาณบวกที่แข็งแกร่งและอาจนำไปสู่การปรับตัวขึ้นต่อไปสู่ระดับแนวต้านถัดไป อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่สามารถทะลุผ่านระดับนี้ได้ และเกิดการกลับตัวลงพร้อมรูปแบบแท่งเทียนที่เป็นลบ เช่น Evening Star หรือ Bearish Engulfing อาจเป็นสัญญาณของการปรับฐานลงสู่ระดับแนวรับถัดไป
ระดับ 0.838 เป็นแนวต้านระดับกลางที่สำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับระดับ 50% Fibonacci Retracement และเป็นจุดสูงสุดที่ราคาเคยไปถึงในเดือนกุมภาพันธ์ 2525 นอกจากนี้ ระดับนี้ยังเคยเป็นแนวรับที่สำคัญในช่วงเดือนธันวาคม 2524 ถึงมกราคม 2525 ก่อนที่จะหลุดลงมา ซึ่งตามทฤษฎีทางเทคนิค แนวรับที่หลุดลงมาแล้วมักจะกลายเป็นแนวต้านในอนาคต
ระดับแนวต้านนี้มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อพิจารณาร่วมกับค่า RSI และ Stochastic ในกรอบเวลารายวัน ซึ่งเมื่อราคาเคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับนี้ในอดีต เครื่องมือทางเทคนิคเหล่านี้มักจะเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) ดังนั้น นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับนี้
ระดับ 0.845 เป็นแนวต้านระยะยาวที่สำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับระดับ 61.8% Fibonacci Retracement และเป็นจุดสูงสุดที่ราคาเคยไปถึงในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2524 นอกจากนี้ ระดับนี้ยังเป็นแนวต้านทางจิตวิทยาที่สำคัญ เนื่องจากเป็นระดับกลมที่นักลงทุนให้ความสนใจ
การวิเคราะห์ในกรอบเวลาที่ยาวขึ้น เช่น รายสัปดาห์ แสดงให้เห็นว่าระดับ 0.845 เป็นจุดกลับตัวสำคัญในหลายครั้งที่ผ่านมา และมักมีแรงขายที่หนาแน่นเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับนี้ ดังนั้น หากราคาสามารถทะลุผ่านระดับนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มหลักเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน
ระดับ 0.858 เป็นเป้าหมายระยะยาวตามการคาดการณ์ราคา 1 ปี ซึ่งแสดงการเพิ่มขึ้น 6.09% จากระดับปัจจุบัน ระดับนี้ยังสอดคล้องกับระดับ 78.6% Fibonacci Retracement และเป็นจุดสูงสุดทางประวัติศาสตร์ที่ราคาเคยไปถึงในช่วงปลายปี 2523
หากมองในมุมมองระยะยาว การที่ราคาจะเคลื่อนตัวไปถึงระดับนี้ได้ จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงในปัจจัยพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของนิวซีแลนด์ การชะลอตัวของเศรษฐกิจแคนาดา หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินที่สำคัญ
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น นอกจากระดับแนวต้านหลักที่กล่าวมาแล้ว ยังมีระดับแนวต้านสำคัญในกรอบเวลาที่สั้นลงมา ได้แก่:
ระดับแนวรับมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าแนวต้าน โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงหรือต้องการวางจุด Stop Loss เพื่อจำกัดความเสียหาย การเข้าใจระดับแนวรับที่สำคัญของคู่สกุลเงิน NZDCAD จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ระดับ 0.820 เป็นแนวรับระยะสั้นที่สำคัญ ซึ่งได้รับการทดสอบและยืนยันหลายครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระดับนี้สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน และเคยเป็นแนวต้านในช่วงต้นเดือนเมษายน ก่อนที่ราคาจะทะลุผ่านขึ้นไป ตามทฤษฎีทางเทคนิค แนวต้านที่ถูกทะลุผ่านมักจะกลายเป็นแนวรับในอนาคต
นอกจากนี้ ระดับ 0.820 ยังเป็นระดับจิตวิทยาที่สำคัญ เนื่องจากเป็นตัวเลขกลม และมักมีออร์เดอร์ซื้อที่หนาแน่นจากนักลงทุนรายย่อยและสถาบันที่ระดับนี้ การหลุดลงต่ำกว่าระดับนี้อาจนำไปสู่การปรับตัวลงต่อไปสู่แนวรับถัดไป
ระดับ 0.810 เป็นแนวรับระดับกลางที่สำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับระดับ 23.6% Fibonacci Retracement เมื่อวัดจากจุดต่ำสุดในเดือนเมษายน 2525 ถึงจุดสูงสุดล่าสุด นอกจากนี้ ระดับนี้ยังเป็นจุดต่ำสุดที่สำคัญที่ราคาเคยลงไปถึงในช่วงกลางเดือนเมษายน และสามารถกลับตัวขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง
การวิเคราะห์ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมงแสดงให้เห็นว่า ระดับ 0.810 เป็นขอบล่างของช่องสัญญาณขาขึ้น (Bullish Channel) ที่ราคากำลังเคลื่อนตัวอยู่ ดังนั้น การหลุดลงต่ำกว่าระดับนี้อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มระยะสั้นเป็นขาลง
ระดับ 0.800 เป็นแนวรับทางจิตวิทยาที่สำคัญมาก เนื่องจากเป็นระดับกลมที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษ แม้ว่าราคาปัจจุบันจะอยู่ห่างจากระดับนี้พอสมควร แต่หากเกิดความผันผวนอย่างรุนแรงในตลาด ระดับนี้อาจกลายเป็นแนวรับสุดท้ายก่อนที่ราคาจะเข้าสู่แนวโน้มขาลงในระยะยาว
นอกจากนี้ ระดับ 0.800 ยังสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ซึ่งเป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่นักลงทุนสถาบันให้ความสำคัญมาก การทะลุลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนี้มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มหลักเป็นขาลง
ระดับ 0.790 เป็นแนวรับระยะยาวที่สำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับจุดต่ำสุดทางประวัติศาสตร์ในช่วงต้นปี 2525 และระดับ 38.2% Fibonacci Retracement เมื่อวัดจากจุดต่ำสุดในปี 2524 ถึงจุดสูงสุดในปลายปี 2524
หากราคาลงไปทดสอบระดับนี้ อาจมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดแรงซื้อกลับเข้ามา โดยเฉพาะหากมีการสร้างรูปแบบกลับตัวทางเทคนิค เช่น Bullish Engulfing, Morning Star หรือ Double Bottom
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น นอกจากระดับแนวรับหลักที่กล่าวมาแล้ว ยังมีระดับแนวรับสำคัญในกรอบเวลาที่สั้นลงมา ได้แก่:
นักลงทุนสามารถใช้ระดับแนวรับเหล่านี้ในกลยุทธ์การเทรดได้หลายวิธี:
เศรษฐกิจนิวซีแลนด์กำลังแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวหลังจากภาวะถดถอยที่ต่อเนื่องมาหลายปี โดยแรงกดดันจากราคาภายในประเทศเริ่มผ่อนคลายลง แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อประจำปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5% ในไตรมาสแรกของปี 2525 ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 2.3% แต่การเพิ่มขึ้นนี้ยังคงอยู่ภายในช่วงเป้าหมายของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ที่ 1-3% ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3
ภาคที่อยู่อาศัยซึ่งเคยเป็นตัวกระตุ้นหลักของเงินเฟ้อในนิวซีแลนด์ กำลังแสดงสัญญาณการชะลอตัว โดยการเพิ่มขึ้นประจำปีของค่าเช่าชะลอลงเหลือ 3.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่ำกว่า 4% ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2521 ในขณะที่ต้นทุนบ้านใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 1.9% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายปีที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2510
อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีนทำให้เศรษฐกิจนิวซีแลนด์มีความเปราะบางต่อความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน การประกาศภาษี 145% ต่อสินค้าจากจีนโดยประธานาธิบดีทรัมป์ และมาตรการตอบโต้จากจีน อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของนิวซีแลนด์และกดดันค่าเงิน NZD ในระยะกลาง
เศรษฐกิจแคนาดายังคงแสดงความยืดหยุ่นท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจโลก โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาคการผลิตที่แข็งแกร่งและราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ในฐานะผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่ การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนค่าเงิน CAD
ธนาคารกลางแคนาดาได้คงอัตราดอกเบี้ย Overnight Rate ไว้ที่ 2.75% ซึ่งสะท้อนถึงความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงินท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก การรักษาอัตราดอกเบี้ยในระดับนี้ช่วยให้แคนาดามีความได้เปรียบในแง่ของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Differential) เมื่อเทียบกับนิวซีแลนด์ ซึ่งคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
ความแตกต่างในนโยบายการเงินระหว่างธนาคารกลางนิวซีแลนด์และธนาคารกลางแคนาดาเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทิศทางของคู่สกุลเงิน NZDCAD ตลาดคาดว่าธนาคารกลางนิวซีแลนด์จะลดดอกเบี้ยลงอีก 25 bps ในการประชุมวันที่ 28 พฤษภาคม 2525 และอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะต่ำสุดที่ 2.75% ในช่วงสิ้นปี
การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางนิวซีแลนด์อาจส่งผลกดดันค่าเงิน NZD ในระยะสั้นถึงระยะกลาง เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทำให้การลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นสกุลเงิน NZD มีความน่าสนใจลดลง ในทางกลับกัน หากธนาคารกลางแคนาดายังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบัน หรือมีท่าทีที่ “เหยี่ยว” มากขึ้น อาจส่งผลบวกต่อค่าเงิน CAD
ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงิน NZDCAD โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างราคาสินค้าโภคภัณฑ์และค่าเงิน ดอลลาร์แคนาดามีความสัมพันธ์เชิงบวกกับราคาน้ำมัน เนื่องจากแคนาดาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ ในขณะที่ดอลลาร์นิวซีแลนด์มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์นม ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์
ในช่วงที่ผ่านมา ราคาน้ำมันมีความผันผวนสูงท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลางและความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์จากจีน หากราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต อาจส่งผลบวกต่อค่าเงิน CAD และกดดัน NZDCAD ให้มีแนวโน้มลดลง ในทางกลับกัน หากราคาสินค้าเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเอเชีย อาจสนับสนุนค่าเงิน NZD
นอกจากนี้ ยังมีความสัมพันธ์ระหว่างตลาดหุ้นและสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูง (Risk Currencies) เช่น NZD ในช่วงที่ตลาดมีความกังวลและตลาดหุ้นปรับตัวลดลง นักลงทุนมักจะหันไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Assets) และขายสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น การตกลงของตลาดหุ้นโลกในวันจันทร์ที่ 21 เมษายน 2568 อาจส่งผลกดดันค่าเงิน NZD ในระยะสั้น
ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกและสกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับการค้า การประกาศภาษี 145% ต่อสินค้าจากจีนโดยประธานาธิบดีทรัมป์ และมาตรการตอบโต้จากจีน อาจส่งผลกระทบต่อการค้าโลกและการเติบโตของเศรษฐกิจ
นิวซีแลนด์ในฐานะประเทศที่พึ่งพาการส่งออกไปยังจีนเป็นหลัก มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งนี้ หากจีนประสบปัญหาทางเศรษฐกิจจากสงครามการค้า อาจส่งผลให้ความต้องการสินค้าเกษตรจากนิวซีแลนด์ลดลง ซึ่งจะกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจและค่าเงิน NZD
แม้ว่าแคนาดาจะมีการค้ากับจีนเช่นกัน แต่การพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ มากกว่า ทำให้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนน้อยกว่านิวซีแลนด์ อย่างไรก็ตาม หากความขัดแย้งทางการค้าขยายวงกว้างและส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกโดยรวม ทั้งนิวซีแลนด์และแคนาดาอาจได้รับผลกระทบในที่สุด
การติดตามพัฒนาการของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินต่อไปจนกว่าระยะเวลา 90 วันจะสิ้นสุดในต้นเดือนกรกฎาคม จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของคู่สกุลเงิน NZDCAD ในระยะกลาง ผลลัพธ์ที่เป็นบวกจากการเจรจาอาจลดความกังวลในตลาดและสนับสนุนสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูง เช่น NZD ในขณะที่ความล้มเหลวในการเจรจาอาจเพิ่มความผันผวนและกดดันค่าเงิน NZD ให้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ CAD
คู่สกุลเงิน NZDCAD แสดงให้เห็นถึงพลวัตที่น่าสนใจในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (21-25 เมษายน 2525) โดยมีการเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 0.809 ถึง 0.832 ท่ามกลางปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคที่ซับซ้อนและความผันผวนของตลาดการเงินโลก เมื่อพิจารณาจากทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน เราสามารถสรุปมุมมองและกลยุทธ์การเทรดสำหรับคู่สกุลเงินนี้ได้ดังนี้
ในระยะสั้น แนวโน้มของ NZDCAD ยังคงเป็นขาขึ้น โดยมีแรงสนับสนุนจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นและระยะยาวที่กำลังปรับตัวขึ้น ตลอดจนสัญญาณบวกจากเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เช่น RSI และ MACD ระดับแนวต้านสำคัญที่ 0.832 เป็นจุดที่นักลงทุนควรจับตามอง โดยหากราคาสามารถทะลุผ่านระดับนี้ขึ้นไปได้ อาจเป็นสัญญาณของการปรับตัวขึ้นต่อไปสู่ระดับ 0.838 และ 0.845 ตามลำดับ
ในทางกลับกัน ระดับแนวรับสำคัญที่ 0.820 และ 0.810 เป็นบริเวณที่อาจเกิดแรงซื้อกลับเข้ามา โดยเฉพาะหากมีการยืนยันจากเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เช่น การตัดขึ้นของ Stochastic หรือการสร้างรูปแบบแท่งเทียนที่เป็นบวก การหลุดลงต่ำกว่าระดับ 0.810 อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มระยะสั้นเป็นขาลง และนักลงทุนควรปรับกลยุทธ์การเทรดให้สอดคล้องกับสถานการณ์
ปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่ส่งผลต่อคู่สกุลเงิน NZDCAD ในขณะนี้ได้แก่:
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น เราแนะนำกลยุทธ์ “Bullish Bias with Controlled Risk” โดยพิจารณาเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาที่แนวรับสำคัญ 0.820 และตั้ง Stop Loss ไว้ใต้แนวรับที่ 0.810 โดยตั้งเป้าหมายกำไรที่แนวต้าน 0.832 เป็นอย่างน้อย ซึ่งจะให้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk:Reward Ratio) ประมาณ 1:1 หรือมากกว่า
สำหรับนักลงทุนระยะกลาง เราแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยอาจพิจารณากลยุทธ์ “Range-Bound with Bearish Bias” ซึ่งเน้นการเข้าขายเมื่อราคาทดสอบแนวต้านที่ 0.832-0.838 และมีสัญญาณการกลับตัวยืนยัน โดยตั้งเป้าหมายกำไรที่บริเวณแนวรับ 0.820 และ 0.810 ตามลำดับ
สำหรับนักลงทุนระยะยาว การคาดการณ์ 1 ปีสำหรับ NZDCAD แสดงการเพิ่มขึ้น 6.09% ซึ่งเป็นสัญญาณบวก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความผันผวนในตลาดโลกและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ จึงแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ “Progressive Position Building” หรือการทยอยสะสมตำแหน่งในช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงมาทดสอบแนวรับสำคัญ
ในสัปดาห์ต่อไป นักลงทุนควรติดตามปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงิน NZDCAD ได้แก่:
โดยสรุป คู่สกุลเงิน NZDCAD นำเสนอโอกาสในการเทรดที่น่าสนใจทั้งในทิศทางขาขึ้นและขาลง ขึ้นอยู่กับกรอบเวลาและความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ การใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคร่วมกับการติดตามปัจจัยพื้นฐานอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับกลยุทธ์การเทรดให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาด Forex ที่มีความผันผวนสูงนี้