หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
สัปดาห์ที่จะถึงนี้ (24-28 มีนาคม 2025) ตลาดการเงินโลกจะต้องเผชิญกับปัจจัยสำคัญหลายประการที่อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อทิศทางการลงทุน โดยเหตุการณ์สำคัญที่น่าจับตามองคือการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) จากประเทศเศรษฐกิจหลักทั่วโลก ซึ่งจะให้ภาพรวมของทิศทางเศรษฐกิจในช่วงต้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2025 นอกจากนี้ ยังมีการแถลงนโยบายจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ที่อาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต หลังจากการประชุม FOMC ครั้งล่าสุดในวันที่ 18-19 มีนาคมที่ผ่านมา
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินโลกเผชิญกับความผันผวนอย่างมาก โดยเฉพาะจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.5% พร้อมปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2025 จากเดิม 2.1% เหลือ 1.7% และเพิ่มประมาณการเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE) เป็น 2.8% จาก 2.5% เดิม นอกจากนี้ เฟดยังประกาศชะลอการลดงบดุลพันธบัตรรัฐบาล จากเดิม $25,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน เหลือ $5,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 แสดงให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องในระบบการเงิน
ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้ายังคงเป็นแรงกดดันสำคัญ โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ได้ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% และเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนอีก 10% ส่งผลให้หลายประเทศออกมาตรการตอบโต้ทางภาษี สร้างความไม่แน่นอนต่อห่วงโซ่อุปทานโลกและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ทางด้านตลาดสินทรัพย์ ทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ $3,000 ต่อออนซ์ ได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะปรับฐาน (correction territory) โดยดัชนี S&P 500 ลดลงมากกว่า 10% จากจุดสูงสุดล่าสุด สะท้อนความกังวลของนักลงทุนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดที่ควรจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่างดอลลาร์สหรัฐฯ กับทองคำ ซึ่งมักเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกัน ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดหุ้นและพันธบัตร โดยเฉพาะผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงต่อแนวโน้มตลาดหุ้น และความสัมพันธ์ระหว่างนโยบายการเงินกับตลาดคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา Ethereum ได้ปรับตัวขึ้นถึง 6.62% ในขณะที่ Bitcoin ได้รับผลกระทบจากสภาวะ Risk-Off ในตลาด
สัปดาห์นี้จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เทรดเดอร์ควรติดตามข้อมูลเศรษฐกิจและพัฒนาการทางการเมืองอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สัปดาห์นี้มีเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญหลายรายการที่เทรดเดอร์ควรติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของตลาดทั่วโลก โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้:
05:00 น. – Flash Manufacturing & Services PMI (ออสเตรเลีย)
07:30 น. – Flash Manufacturing PMI (ญี่ปุ่น)
15:15 น. – Flash Manufacturing & Services PMI (ฝรั่งเศส)
15:30 น. – Flash Manufacturing & Services PMI (เยอรมนี)
16:00 น. – Flash Manufacturing & Services PMI (ยูโรโซน)
16:30 น. – Flash Manufacturing & Services PMI (สหราชอาณาจักร)
20:45 น. – Flash Manufacturing & Services PMI (สหรัฐอเมริกา)
00:45 น. – FOMC Member Bostic Speaks
13:00 น. – BOE Gov Bailey Speaks
14:10 น. – FOMC Member Barr Speaks
18:50 น. – Monetary Policy Meeting Minutes (ญี่ปุ่น)
00:00 น. (26 มี.ค.) – BOJ Core CPI y/y (ญี่ปุ่น)
16:00 น. – German ifo Business Climate
18:00 น. – CBI Realized Sales (สหราชอาณาจักร)
19:40 น. – FOMC Member Kugler Speaks
20:00 น. – S&P/CS Composite-20 HPI y/y (สหรัฐอเมริกา)
20:05 น. – FOMC Member Williams Speaks
21:00 น. – CB Consumer Confidence (สหรัฐอเมริกา)
21:00 น. – New Home Sales (สหรัฐอเมริกา)
06:50 น. – SPPI y/y (ญี่ปุ่น)
07:30 น. – CPI y/y (ออสเตรเลีย)
14:00 น. – CPI y/y (สหราชอาณาจักร)
14:00 น. – Core CPI y/y (สหราชอาณาจักร)
16:00 น. – UBS Economic Expectations (สวิตเซอร์แลนด์)
16:30 น. – HPI y/y (สหราชอาณาจักร)
19:30 น. – Core Durable Goods Orders m/m (สหรัฐอเมริกา)
19:30 น. – Durable Goods Orders m/m (สหรัฐอเมริกา)
21:00 น. – CB Leading Index m/m (จีน)
21:30 น. – Crude Oil Inventories (สหรัฐอเมริกา)
00:10 น. – FOMC Member Musalem Speaks
16:00 น. – M3 Money Supply y/y (ยูโรโซน)
16:00 น. – Private Loans y/y (ยูโรโซน)
19:30 น. – Final GDP q/q (สหรัฐอเมริกา)
19:30 น. – Unemployment Claims (สหรัฐอเมริกา)
19:30 น. – Final GDP Price Index q/q (สหรัฐอเมริกา)
21:00 น. – Pending Home Sales m/m (สหรัฐอเมริกา)
21:30 น. – Natural Gas Storage (สหรัฐอเมริกา)
03:30 น. – FOMC Member Barkin Speaks
06:30 น. – Tokyo Core CPI y/y (ญี่ปุ่น)
06:50 น. – BOJ Summary of Opinions (ญี่ปุ่น)
14:00 น. – German GfK Consumer Climate
14:00 น. – Retail Sales m/m (สหราชอาณาจักร)
14:00 น. – Final GDP q/q (สหราชอาณาจักร)
14:45 น. – French Consumer Spending m/m
15:00 น. – KOF Economic Barometer (สวิตเซอร์แลนด์)
15:00 น. – Spanish Flash CPI y/y
19:30 น. – GDP m/m (แคนาดา)
19:30 น. – Core PCE Price Index m/m (สหรัฐอเมริกา)
19:30 น. – Personal Income m/m (สหรัฐอเมริกา)
19:30 น. – Personal Spending m/m (สหรัฐอเมริกา)
21:00 น. – Revised UoM Consumer Sentiment (สหรัฐอเมริกา)
23:15 น. – FOMC Member Barr Speaks
เหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญเหล่านี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของตลาดการเงินในสัปดาห์หน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดัชนี PMI ทั่วโลกในวันจันทร์, การแถลงนโยบายของสมาชิก FOMC ในวันอังคารและวันศุกร์, รายงาน GDP ไตรมาส 4/2567 ฉบับสุดท้ายของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี และข้อมูล Core PCE Price Index สหรัฐฯ ในวันศุกร์ ซึ่งมีผลกระทบสูงต่อทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจและนโยบายการเงินโลก
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินสภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มการเติบโตของประเทศต่างๆ โดยค่าดัชนีที่มากกว่า 50 แสดงถึงการขยายตัว ในขณะที่ค่าต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงการหดตัวของภาคเศรษฐกิจนั้นๆ สัปดาห์นี้ การเปิดเผยตัวเลข Flash PMI ของประเทศเศรษฐกิจหลักจะให้ข้อมูลที่ทันสมัยเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2025
การคาดการณ์ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ที่ 51.9 ซึ่งสูงกว่าระดับก่อนหน้า แสดงถึงการฟื้นตัวของภาคการผลิตสหรัฐฯ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการค้า ในทางตรงกันข้าม ยูโรโซนมีการคาดการณ์ดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ 48.3 ซึ่งยังคงอยู่ในเกณฑ์หดตัว สะท้อนถึงความท้าทายที่ยังคงมีอยู่ในภาคอุตสาหกรรมยุโรป โดยเฉพาะประเทศเยอรมนีและฝรั่งเศสที่มีการคาดการณ์ดัชนีที่ 47.1 และ 46.2 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคบริการของสหรัฐฯ คาดว่าจะอยู่ที่ 51.2 บ่งชี้ถึงการขยายตัวเล็กน้อย ในขณะที่ยูโรโซนคาดว่าจะอยู่ที่ 51.2 เช่นกัน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของภาคบริการที่มากกว่าภาคการผลิตในทั้งสองภูมิภาค
ผลกระทบต่อตลาดการเงิน:
สัปดาห์นี้มีการแถลงนโยบายจากสมาชิก FOMC หลายท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง FOMC Member Williams ซึ่งจะขึ้นกล่าวในวันอังคารที่ 25 มีนาคม ความสำคัญของการแถลงนโยบายครั้งนี้เพิ่มขึ้นเนื่องจากความไม่ตรงกันในมุมมองของกรรมการเฟดเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่งเปิดเผยในการประชุมล่าสุด โดยมี 2 คนคาดลด 3 ครั้ง, 9 คนคาดลด 2 ครั้ง, 4 คนคาดลด 1 ครั้ง และ 4 คนคาดไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเลยในปี 2025
ประเด็นสำคัญที่ควรติดตามจากถ้อยแถลงนี้คือ:
FOMC Member Barr และ FOMC Member Kugler ซึ่งจะขึ้นกล่าวในวันเดียวกัน อาจให้มุมมองเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการเงินและความเสี่ยงในระบบการเงิน โดยเฉพาะในบริบทของตลาดพันธบัตรและตลาดที่อยู่อาศัย
ผลกระทบต่อตลาดการเงิน:
Core PCE Price Index ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์ จะแสดงให้เห็นว่าแรงกดดันเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ แม้จะเริ่มชะลอตัวลงแล้วก็ตาม
นอกจากนี้ ข้อมูลเงินเฟ้อจากประเทศอื่นๆ เช่น CPI ของสหราชอาณาจักรที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3.0% (YoY) และ Core CPI ที่ 3.7% (YoY) ในวันพุธ รวมถึง Tokyo Core CPI ของญี่ปุ่นที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2.2% (YoY) ในวันศุกร์ จะให้ภาพรวมของแนวโน้มเงินเฟ้อทั่วโลก
ข้อมูลเงินเฟ้อเหล่านี้มีความสำคัญมากในบริบทปัจจุบัน เนื่องจาก:
ผลกระทบต่อตลาดการเงิน:
การเปิดเผย GDP ไตรมาส 4/2567 ฉบับสุดท้ายของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม มีการคาดการณ์ว่าจะปรับลดลงเล็กน้อยเป็น 2.3% จากตัวเลขเบื้องต้นที่ 2.4% แม้จะมีการปรับลดลง แต่อัตราการเติบโตนี้ยังถือว่าแข็งแกร่งและแสดงถึงความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่สูง
ตัวเลข GDP ไตรมาส 4/2567 นี้มีความสำคัญเพราะเป็นการยืนยันสถานะของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนเข้าสู่ปี 2025 และอาจส่งผลต่อความคาดหวังเกี่ยวกับการเติบโตในไตรมาสแรกของปี 2025 โดยเฉพาะในบริบทที่เฟดได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2025 จากเดิม 2.1% เหลือ 1.7%
องค์ประกอบสำคัญที่ควรติดตามในรายงาน GDP ฉบับนี้ได้แก่:
นอกจากนี้ การเปิดเผย GDP รายไตรมาสของสหราชอาณาจักรในวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 0.1% (QoQ) จะให้ข้อมูลเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอาจส่งผลต่อทิศทางค่าเงินปอนด์และนโยบายการเงินของ BOE
ผลกระทบต่อตลาดการเงิน:
สัปดาห์นี้มีการเปิดเผยข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยและความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ หลายรายการ ซึ่งจะให้ภาพรวมของภาคครัวเรือนและแนวโน้มการใช้จ่าย โดยเฉพาะ New Home Sales ในวันอังคารที่คาดว่าจะลดลงเป็น 657K จาก 682K ในเดือนก่อนหน้า และ Pending Home Sales ในวันพฤหัสบดี ซึ่งเดือนก่อนหน้าหดตัว -4.6%
ข้อมูลดัชนีราคาบ้านในรูปแบบต่างๆ เช่น S&P/CS Composite-20 HPI ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.5% (YoY) และ HPI ของสหราชอาณาจักรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.6% (YoY) จะสะท้อนแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยและความมั่งคั่งของครัวเรือน
สำหรับความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนี CB Consumer Confidence ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 98.3 จาก 94.2 และ Revised UoM Consumer Sentiment จะเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายและมุมมองต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ German ifo Business Climate ที่คาดว่าจะลดลงเป็น 85.2 จาก 86.8 และ German GfK Consumer Climate ที่คาดว่าจะอยู่ที่ -24.7 จะสะท้อนความเชื่อมั่นในเยอรมนีซึ่งเป็นเศรษฐกิจหลักของยูโรโซน
ผลกระทบต่อตลาดการเงิน:
รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ในวันพุธที่ 26 มีนาคม มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์ อาจสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันในระยะสั้น แต่ปัจจัยอื่นๆ เช่น ความตึงเครียดในตะวันออกกลางและการประชุม OPEC+ ที่จะมีขึ้นในอนาคต ก็จะมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมันเช่นกัน
นอกจากนี้ รายงานสต็อกก๊าซธรรมชาติในวันพฤหัสบดี ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 9B จะส่งผลต่อราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญในตลาดพลังงาน
ทองคำซึ่งเพิ่งทำจุดสูงสุดเหนือ $3,000 ต่อออนซ์ จะยังคงได้รับอิทธิพลจากข้อมูลเงินเฟ้อและถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้า ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างทองคำและดอลลาร์สหรัฐฯ จะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางราคาทองคำในระยะสั้น
ผลกระทบต่อตลาดการเงิน:
การวิเคราะห์เชิงลึกของเหตุการณ์สำคัญเหล่านี้จะช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาดและเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดเผชิญกับความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้า นโยบายการเงิน และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
สัปดาห์ที่จะมาถึงนี้ (24-28 มีนาคม 2025) เต็มไปด้วยเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อทิศทางของตลาดการเงินทั่วโลก การวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบด้านจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างเหมาะสมท่ามกลางความผันผวนที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น
สัปดาห์นี้จะเห็นการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการ โดยเฉพาะดัชนี PMI จากทั่วโลกในวันจันทร์ ซึ่งจะให้ภาพรวมของสภาวะเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 2025 การแถลงนโยบายของสมาชิก FOMC จะเป็นที่จับตามองเพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ขณะที่ข้อมูล Core PCE ในวันศุกร์จะมีผลต่อความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
ความเสี่ยงหลักที่ต้องติดตามได้แก่:
EUR/USD: คู่เงินนี้จะได้รับอิทธิพลอย่างมากจากข้อมูล PMI ของยูโรโซนและสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด
USD/JPY: การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อญี่ปุ่นในวันศุกร์จะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับคู่เงินนี้
ทองคำ: หลังจากทำจุดสูงสุดเหนือ $3,000 ต่อออนซ์ ทองคำอาจเผชิญกับแรงขายทำกำไรในระยะสั้น
น้ำมัน WTI: รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ และความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะเป็นปัจจัยสำคัญ
S&P 500: ดัชนีนี้อยู่ในภาวะปรับฐานแต่อาจมีโอกาสฟื้นตัวหากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่ง
Bitcoin: แม้จะเผชิญกับแรงขายในช่วงก่อนหน้า แต่ยังมีแนวโน้มที่ดีในระยะกลาง
Ethereum: ETH กำลังทดสอบแนวต้านสำคัญที่ $2,100
การบริหารความเสี่ยงมีความสำคัญอย่างยิ่งในสภาวะตลาดที่ผันผวน ซึ่งเทรดเดอร์ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:
นอกเหนือจากเหตุการณ์เศรษฐกิจที่กำหนดไว้ในปฏิทิน เทรดเดอร์ควรเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาด:
สัปดาห์ที่จะมาถึงนี้เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทายสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ การติดตามข้อมูลเศรษฐกิจและพัฒนาการทางการเมืองอย่างใกล้ชิด การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตลาด และการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม จะเป็นกุญแจสำคัญในการนำทางผ่านสภาวะตลาดที่ผันผวนและการตัดสินใจลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ