หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
เมื่อด่ำดิ่งสู่โลกแห่งการเทรด เครื่องมือหนึ่งที่โดดเด่นคือ Average Directional Index (ADX) ตัวชี้วัดนี้เสนอข้อมูลเชิงลึกอันล้ำค่าเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของแนวโน้มตลาด ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์การเทรดของคุณ ไม้ว่าคุณจะเคยเทรดมาหลายปีแล้วหรือเพิ่งเริ่มต้น การเข้าใจวิธีการทำงานของ ADX และวิธีการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพอาจส่งผลกระทบต่อความสำเร็จในการเทรดของคุณได้อย่างมาก ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่า ADX คืออะไร ต้นกำเนิด วิธีการคำนวณและวิธีการนำไปใช้ในกิจกรรมการเทรดจริงของคุณ
ADX ได้รับการพัฒนาโดย J. Welles Wilder Jr. ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค เขาเปิดตัว ADX ในหนังสือที่มีอิทธิพลของเขาในปี 1978 เรื่อง “แนวคิดใหม่ในระบบการเทรดทางเทคนิค” หนังสือเล่มนี้ยังแนะนำตัวชี้วัดยอดนิยมอื่น ๆ รวมถึง Relative Strength Index (RSI) และ Average True Range (ATR) ด้วย
เป้าหมายของเขาคือการนำเสนอเครื่องมือที่สามารถแบ่งแยกระหว่างแนวโน้มที่แข็งแกร่งและแนวโน้มที่อ่อนแอให้ได้ ซึ่งจะมอบความชัดเจนต่อกระบวนการตัดสินใจของนักเทรดมากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่ที่มีการเปิดตัว ADX ก็ได้กลายมาเป็นส่วนพื้นฐานของบทวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ขึ้นชื่อในความสามารถในการให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าของตลาด
เพื่อใช้ Average Directional Index อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำความเข้าใจถึงองค์ประกอบและการทำงานของมัน อย่างที่เรากล่าวไปในตอนต้น ADX มาจากตัวชี้วัดอื่น ๆ สองตัว ได้แก่ Positive Directional Indicator (+DI) และ Negative Directional Indicator (-DI) ตัวชี้วัดเหล่านี้จะวัดความแตกต่างระหว่างระดับสูงสุดและต่ำสุดของการเคลื่อนไหวราคาในช่วงเวลาที่กำหนด
ADX จะคำนวณโดยใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเรียบของค่าสัมบูรณ์ของความแตกต่างระหว่าง +DI และ -DI หารด้วยผลรวมของ +DI และ -DI ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นตัวเลขบวกที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
ADX มีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 100 โดยทั่วไปแล้ว ค่าที่ต่ำกว่า 20 จะบ่งบอกถึงแนวโน้มที่อ่อนแอหรือตลาดที่เคลื่อนตัวไปทางด้านข้าง ในขณะที่ค่าที่มากกว่า 25 บ่งบอกถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง การอ่านค่าได้มากกว่า 40 ได้รับการพิจารณาว่าเป็นแนวโน้มที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งบ่อยครั้งจะบ่งชี้ถึงตลาดที่มีการขยายตัวมากเกินไป
การคำนวณ ADX นั้นประกอบด้วยขั้นตอนและองค์ประกอบสำคัญมากมาย นี่คือภาพรวมแบบง่าย ๆ:
1. คำนวณ True Range (TR): TR ถือเป็นองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดดังต่อไปนี้:
2. กำหนด Directional Movement (DM):
3. คำนวณค่าเฉลี่ยแบบเรียบ: คำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเรียบของ +DM, -DM และ TR ในช่วงเวลาที่กำหนด (ปกติคือ 14 วัน)
4. คำนวณตัวชี้วัดทิศทาง:
5. คำนวณ ADX: ADX คือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเรียบของค่าสัมบูรณ์ของ (+DI – -DI) / (+DI + -DI) คูณ 100
แม้ว่าการคำนวณเหล่านี้อาจจะดูซับซ้อน แต่แพลตฟอร์มกราฟและซอฟต์แวร์สำหรับการเทรดมากมายสามารถดำเนินการกระบวนการนี้โดยอัตโนมัติได้ ซึ่งทำให้นักเทรดเข้าถึงค่า ADX ได้ง่ายขึ้น
การวิเคราะห์เมตริก ADX ช่วยให้นักเทรดกำหนดพลังของการเคลื่อนไหวของตลาดได้ นี่คำแนะนำในการตีความค่า ADX:
ประสิทธิภาพของ ADX นั้นอาจแตกต่างกันออกไปได้อย่างมากโดยขึ้นอยู่กับสภาพตลาด ในตลาดที่มีแนวโน้ม ADX ทำหน้าที่ในการยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้เป็นเครื่องมืออันล้ำค่าสำหรับกลยุทธ์ที่ติดตามแนวโน้ม อย่างไรก็ตาม ในตลาดที่ซบเซาหรือตลาดทรงตัวไปทางด้านข้าง ADX อาจลดลงต่ำกว่า 20 บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงแนวโน้มที่อ่อนแอหรือไม่มีอยู่จริง ในช่วงเวลาเหล่านี้ นักเทรดอาจพบว่าการเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์อื่นที่เหมาะกับตลาดที่มีขอบเขต เช่น เทคนิคการกลับตัวเฉลี่ย หรือการใช้ระดับแนวรับและแนวต้านนั้นเป็นประโยชน์ นอกจากนี้ ADX ยังสามารถช่วยให้นักเทรดหลีกเลี่ยงการฝ่าวงล้อมราคาผิดพลาดในตลาดที่ผันผวนโดยการยืนยันความเสถียรของแนวโน้มใหม่ การทำความเข้าใจว่า ADX มีพฤติกรรมอย่างไรในสภาพแวดล้อมของตลาดที่แตกต่างกันสามารถช่วยให้นักเทรดปรับกลยุทธ์ของตนให้เข้ากับเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงได้ โดยทำให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะใช้เครื่องมือที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม
การใช้ ADX อย่างมีประสิทธิภาพนั้นรวมถึงการผสานรวมมันเข้ากับกลยุทธ์และตัวชี้วัดอื่น ๆ นี่คือเคล็ดลับในทางปฏิบัติ:
สำหรับผู้ที่เข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานของ ADX แล้ว นี่เป็นเคล็ดลับขั้นสูงในการปรับแต่งกลยุทธ์การเทรดของคุณ:
การผสานรวม ADX เข้ากับตัวชี้ดวัดทางเทคนิคอื่น ๆ จะมอบการวิเคราะห์สภาพตลาดที่ครอบคลุมมากขึ้น ตัวชี้วัด เช่น Relative Strength Index (RSI), Bollinger Bands และ Stochastic Oscillator สามารถเสริม ADX ได้โดยการเพิ่มชั้นการยืนยันและข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น การใช้ RSI ควบคู่ไปกับ ADX สามารถช่วยให้นักเทรดทราบได้ว่าแนวโน้มที่แข็งแกร่งนั้นมีการซื้อมากเกินไปหรือเทขายหรือไม่ โดยให้เบาะแสเกี่ยวกับการกลับตัวหรือการปรับฐานที่อาจเกิดขึ้น ในทำนองเดียวกัน Bollinger Bands สามารถเน้นช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูงหรือต่ำ ซึ่งเมื่อรวมกับการอ่านค่า ADX จะสามารถระบุจุดเข้าและออกที่เหมาะสมที่สุดได้ ด้วยการผสมผสาน ADX เข้ากับตัวชี้วัดเหล่านี้และตัวชี้วัดอื่น ๆ นักเทรดจะสามารถสร้างกลยุทธ์การเทรดที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งคำนึงถึงพฤติกรรมของตลาดหลายแง่มุมได้
มาสรุปกัน: Average Directional Index (ADX) เป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับนักเทรดที่ต้องการทำความเข้าใจแนวโน้มของตลาด ADX พัฒนาโดย J. Welles Wilder Jr. มุ่งเน้นไปที่การวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม โดยให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแก่นักเทรด ด้วยการตีความค่า ADX นักเทรดจะสามารถระบุว่าตลาดกำลังประสบกับแนวโน้มที่แข็งแกร่งหรือเคลื่อนตัวไปด้านข้างได้ดีขึ้น
การตีความ ADX พร้อมกับตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น Relative Strength Index (RSI), Bollinger Bands, and the Moving Average Convergence Divergence (MACD) สามารถช่วยยกระดับกลยุทธ์การเทรดได้ การปรับแต่งการตั้งค่า ADX และใช้กรอบเวลาที่แตกต่างกันอาจปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มเติมได้ โดยนำเสนอมุมมองของพฤติกรรมของตลาดโดยละเอียด
การปรับใช้ ADX ในสภาพตลาดที่แตกต่างกันช่วยให้นักเทรดปรับกลยุทธ์ได้ ซึ่งทำให้มันเป็นเครื่องมืออเนกประสงค์สำหรับทั้งตลาดที่มีแนวโน้มและตลาดที่มีขอบเขต
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเทรดมือใหม่หรือมากประสบการณ์ ADX อาจเป็นส่วนเสริมอันล้ำค่าให้กับชุดเครื่องมือเทรดของคุณ โดยช่วยในการตัดสินใจเทรดที่แม่นยำยิ่งขึ้น และช่วยนำทางในความซับซ้อนของตลาดการเงิน
หากต้องการข้อมูลตัวชี้วัดทางเทคนิคที่สำคัญโดยสรุป กรุณาอ่าน คู่มือสำคัญสำหรับตัวชี้วัดทางเทคนิค