หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
ตลาดน้ำมัน USOIL ในสัปดาห์นี้ได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยราคาได้ทะลุแนวรับสำคัญที่ $60 ลงมาซึ่งเป็นเรื่องที่ควรให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นการทะลุระดับจิตวิทยาสำคัญและเป็นระดับราคาต่ำสุดในรอบ 4 ปี หลังจากที่ราคาได้เคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง $60-$63 ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2025 การเคลื่อนไหวนี้มีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบของมาตรการภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน และความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกที่ลดลง
ในแง่ของปัจจัยที่กระทบตลาด เราเห็นการต่อสู้ระหว่างแรงกดดันจากนโยบายการค้าที่เข้มงวดขึ้นของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน กับปัจจัยหนุนจากการลดลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่รายงานล่าสุดลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินอยู่ในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าปัจจัยในด้านลบมีน้ำหนักมากกว่าในขณะนี้ จนทำให้ราคาไม่สามารถรักษาระดับเหนือ $60 ได้
ในมุมมองทางเทคนิค ราคาน้ำมัน USOIL แสดงสัญญาณขาลงที่ชัดเจนมากขึ้น โดยการหลุดแนวรับ $60 นี้เปิดโอกาสให้ราคาปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ $56-57 ในระยะสั้น ค่า RSI บนกราฟรายวันอยู่ในเขตขายมากเกินไป (Oversold) ซึ่งอาจนำไปสู่การดีดตัวกลับเพื่อทดสอบแนวต้านที่ $60 (ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแนวต้านแล้ว) แต่ภาพรวมยังคงเป็นลบตราบใดที่ราคายังไม่สามารถกลับขึ้นไปเหนือระดับ $62.50 ได้อย่างมั่นคง
สำหรับเทรดเดอร์ สถานการณ์นี้เสนอโอกาสทั้งในการเทรดตามแนวโน้มขาลงและการเก็งกำไรจากการดีดตัวกลับระยะสั้น โดยในบทวิเคราะห์นี้ เราจะตรวจสอบปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทิศทางราคาน้ำมันในปัจจุบัน การวิเคราะห์กราฟอย่างละเอียด และการระบุระดับราคาสำคัญที่ควรจับตา พร้อมเสนอแนวทางการเทรดที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดปัจจุบัน
ปัจจัยเศรษฐกิจที่มีผลกระทบสูงต่อราคาน้ำมัน USOIL ในช่วงนี้มีหลายประการ โดยเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อตลาดน้ำมันในสัปดาห์นี้และที่กำลังจะมาถึงมีดังนี้:
มาตรการภาษีศุลกากรฉบับใหม่ตามนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 9 เมษายน 2025 ส่งผลให้ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันอย่างมาก โดยนักลงทุนกังวลว่าสงครามการค้าที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติม ซึ่งเป็นประเทศที่มีความต้องการใช้น้ำมันสูงเป็นอันดับสองของโลก นี่เป็นปัจจัยลบที่สำคัญที่สุดที่กดดันราคาน้ำมันในขณะนี้
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 3.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.1 ล้านบาร์เรล การลดลงนี้เป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน แต่ไม่เพียงพอที่จะหักล้างแรงกดดันจากปัจจัยด้านอุปสงค์ที่ลดลงจากสงครามการค้า อย่างไรก็ตาม หากในสัปดาห์ถัดไปมีการรายงานการลดลงของสต็อกต่อเนื่อง อาจช่วยหนุนให้ราคามีการดีดตัวกลับได้
รายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) เมื่อวันที่ 18-19 มีนาคม 2568 จะถูกเปิดเผยในวันที่ 10 เมษายน 2025 นักลงทุนจะจับตาดูท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจ หากมีสัญญาณของการลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด อาจส่งผลบวกต่อตลาดน้ำมัน เนื่องจากจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
จีนจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมีนาคม 2568 ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญของสภาวะเศรษฐกิจจีนและอาจส่งผลต่อราคาน้ำมัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่จีนกำลังเผชิญกับมาตรการกีดกันทางการค้าใหม่จากสหรัฐฯ หากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีกว่าคาด อาจช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลง
มีรายงานการพบปะระหว่างผู้แทนจากรัสเซียและทูตพิเศษของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อผลักดันข้อตกลงหยุดยิง ความคืบหน้าในประเด็นนี้อาจช่วยลดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความผันผวนของราคาน้ำมัน โดยในระยะสั้น หากมีข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพ อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลงเนื่องจากความเสี่ยงด้านอุปทานลดลง
แม้ว่าจะไม่มีการประชุมกลุ่ม OPEC+ อย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ แต่นักลงทุนยังคงจับตาความเคลื่อนไหวและความเห็นของสมาชิกกลุ่ม OPEC+ เกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างรวดเร็ว หากมีสัญญาณว่ากลุ่ม OPEC+ อาจพิจารณาลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมเพื่อพยุงราคา อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันมีการดีดตัวกลับในระยะสั้น
ปัจจัยเศรษฐกิจและเหตุการณ์สำคัญเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางราคาน้ำมันในระยะสั้น โดยนักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์การเทรดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การวิเคราะห์ทางเทคนิคของราคาน้ำมัน USOIL แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่ราคาได้ทะลุแนวรับสำคัญที่ $60 ลงมา ในส่วนนี้ เราจะวิเคราะห์กราฟของ USOIL ในหลาย timeframe เพื่อให้เห็นภาพรวมและรายละเอียดที่สำคัญ:
กราฟรายวันของ USOIL แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาลงที่เริ่มชัดเจนในเดือนเมษายน 2025 หลังจากที่ราคาดีดตัวขึ้นในช่วงต้นปีจนแตะระดับใกล้ $74 ราคาได้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องและล่าสุดทะลุแนวรับสำคัญที่ $60 ลงมา
ตัวชี้วัดทางเทคนิคบนกราฟรายวัน:
รูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาบนกราฟรายวันแสดงลักษณะของการลงแบบต่อเนื่อง (Descending Channel) โดยมีแนวโน้มที่จะทดสอบระดับ $56-57 ซึ่งเป็นแนวรับถัดไปที่สำคัญ
กราฟ 4 ชั่วโมงให้มุมมองที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวในระยะกลาง:
ตัวชี้วัดทางเทคนิคบนกราฟ H4:
บนกราฟ H4 ยังสังเกตเห็นว่าราคาได้สร้างรูปแบบ “Falling Wedge” ซึ่งโดยปกติมักเป็นรูปแบบกลับตัวเมื่อราคาทะลุขึ้นเหนือเส้นแนวโน้มบน อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ราคายังไม่ทะลุขึ้น แนวโน้มหลักยังคงเป็นขาลง
กราฟรายชั่วโมงแสดงให้เห็นรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับการเทรดในระยะสั้น:
ตัวชี้วัดทางเทคนิคบนกราฟ H1:
บนกราฟ H1 ยังสังเกตเห็นรูปแบบการเคลื่อนไหวแบบ “Double Bottom” ที่กำลังก่อตัว ซึ่งหากราคาสามารถทะลุคอของรูปแบบนี้ขึ้นไปได้ อาจนำไปสู่การดีดตัวกลับที่แข็งแกร่งในระยะสั้น
การวิเคราะห์กราฟในกรอบเวลาที่สั้นลงมา (M30, M15 และ M5) แสดงให้เห็นสัญญาณของการชะลอตัวของแรงขายและความเป็นไปได้ของการดีดตัวกลับในระยะสั้นมากขึ้น โดยเฉพาะใน M15 ที่เริ่มเห็นการเกิด Up Fractal และการกลับตัวของ Stochastic จากเขตขายมากเกินไป
สรุปการวิเคราะห์กราฟ:
ในมุมมองของการเทรด การหลุดระดับ $60 นี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางเทคนิค และเทรดเดอร์ควรเน้นกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มขาลงเป็นหลัก โดยอาจพิจารณาหาจังหวะเข้า Short ในช่วงการดีดตัวกลับเพื่อทดสอบแนวต้านที่ $60 หรือ $62 แต่สำหรับเทรดเดอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในการเทรด Counter-trend ก็อาจพิจารณาหาจังหวะเข้า Long ในระยะสั้นโดยมีการจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวด
การระบุระดับแนวต้านสำคัญ (Key Resistance Levels) มีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนการเทรด USOIL โดยเฉพาะในสภาวะตลาดปัจจุบันที่ราคาอยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน แนวต้านเหล่านี้จะเป็นจุดที่เทรดเดอร์ควรให้ความสนใจในการพิจารณาเข้า Short Position หรือปิด Long Position ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์แนวต้านสำคัญของ USOIL จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค:
แนวต้านแรกและมีความสำคัญมากที่สุดในปัจจุบันคือระดับ $60.00 ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา หลังจากที่ราคาทะลุลงมาแล้ว ระดับนี้ได้กลายเป็นแนวต้านตามหลักการ “เปลี่ยนบทบาท” (Role Reversal) ในทางเทคนิค
เหตุผลที่สำคัญ:
การยืนยันจากตัวชี้วัดทางเทคนิค:
ระดับนี้เป็นจุดสูงสุดในช่วงสั้นๆ ก่อนที่ราคาจะปรับตัวลงอย่างรุนแรงและทะลุแนวรับ $60 ลงมา
เหตุผลที่สำคัญ:
การยืนยันจากตัวชี้วัดทางเทคนิค:
นี่เป็นบริเวณแนวรับเดิมที่สำคัญก่อนที่ราคาจะปรับตัวลงมาถึงระดับปัจจุบัน และตอนนี้ได้กลายเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง
เหตุผลที่สำคัญ:
การยืนยันจากตัวชี้วัดทางเทคนิค:
นี่เป็นระดับโครงสร้างสำคัญที่ราคาเคลื่อนตัวผ่านลงมาอย่างรุนแรงในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2025 และเป็นแนวต้านสำคัญในระยะยาว
เหตุผลที่สำคัญ:
การยืนยันจากตัวชี้วัดทางเทคนิค:
นี่เป็นโซนแนวต้านทางจิตวิทยาที่สำคัญและเป็นเป้าหมายระยะยาวหากราคาสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง
เหตุผลที่สำคัญ:
การยืนยันจากตัวชี้วัดทางเทคนิค:
แนวต้านเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการระบุจุดเข้าเทรดที่เหมาะสม โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเทรดตามแนวโน้มขาลงที่กำลังดำเนินอยู่ อย่างไรก็ตาม ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการเทรด
การระบุระดับแนวรับสำคัญ (Key Support Levels) มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการวางแผนการเทรด USOIL ในสภาวะตลาดขาลงปัจจุบัน แนวรับเหล่านี้จะเป็นจุดที่เทรดเดอร์ควรพิจารณาในการปิด Short Position หรือพิจารณาเข้า Long Position สำหรับการเทรดสวนตลาดระยะสั้น ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์แนวรับสำคัญของ USOIL จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค:
นี่เป็นโซนแนวรับระยะสั้นที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน หลังจากที่ราคาทะลุระดับ $60 ลงมา
เหตุผลที่สำคัญ:
การยืนยันจากตัวชี้วัดทางเทคนิค:
นี่เป็นโซนแนวรับสำคัญในระยะกลางที่เกิดจากระดับราคาต่ำสุดในช่วงก่อนหน้าและเป็นบริเวณที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
เหตุผลที่สำคัญ:
การยืนยันจากตัวชี้วัดทางเทคนิค:
นี่เป็นแนวรับโครงสร้างระยะยาวที่มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นบริเวณที่เคยมีการกลับตัวสำคัญในอดีต
เหตุผลที่สำคัญ:
การยืนยันจากตัวชี้วัดทางเทคนิค:
นี่เป็นระดับแนวรับวิกฤติที่หากราคาทะลุลงไปจะเป็นสัญญาณของภาวะตลาดขาลงที่รุนแรงมากขึ้น
เหตุผลที่สำคัญ:
การยืนยันจากตัวชี้วัดทางเทคนิค:
นี่เป็นระดับจิตวิทยาสำคัญที่มีความแข็งแกร่งมาก เนื่องจากเป็นระดับกลมๆ ที่นักเทรดทั่วโลกให้ความสนใจ
เหตุผลที่สำคัญ:
การยืนยันจากตัวชี้วัดทางเทคนิค:
แนวรับที่ $58.80-59.00:
แนวรับที่ $56.00-57.00:
แนวรับที่ $54.20-54.50 และต่ำกว่า:
แนวรับเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการระบุจุดทำกำไรสำหรับ Short Position และจุดเข้าเทรด Long Position ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับสัญญาณจากตัวชี้วัดทางเทคนิคและการยืนยันจากปัจจัยพื้นฐาน ทั้งนี้ เทรดเดอร์ควรสังเกตปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่ระดับแนวรับเหล่านี้ เพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือของสัญญาณการกลับตัว
ปัจจัยพื้นฐานเป็นองค์ประกอบสำคัญในการกำหนดทิศทางราคาน้ำมัน USOIL ในระยะกลางถึงยาว เพื่อให้เทรดเดอร์มีมุมมองที่ครอบคลุม จึงควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ต่อไปนี้คือปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่กำลังส่งผลต่อตลาดน้ำมัน USOIL:
มาตรการภาษีศุลกากรฉบับใหม่ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน 2025 เป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาน้ำมันในปัจจุบัน โดยมีรายละเอียดและผลกระทบดังนี้:
รายละเอียดมาตรการ:
ผลกระทบต่อราคาน้ำมัน:
การประเมินระยะยาว: ผลกระทบระยะยาวของมาตรการนี้จะขึ้นอยู่กับการตอบโต้ของประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน หากเกิดสงครามการค้าเต็มรูปแบบ คาดว่าราคาน้ำมันจะได้รับแรงกดดันต่อเนื่องในช่วง 1-2 ไตรมาสข้างหน้า
สถานการณ์อุปสงค์และอุปทานน้ำมันโลกในปัจจุบันแสดงภาพของความไม่สมดุล ซึ่งส่งผลต่อแนวโน้มราคา:
ด้านอุปสงค์:
ด้านอุปทาน:
สถานการณ์สต็อกน้ำมัน:
การประเมินระยะกลาง: แนวโน้มในปัจจุบันบ่งชี้ว่าตลาดน้ำมันจะยังคงมีอุปทานส่วนเกิน (Oversupply) ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันราคาต่อเนื่อง เว้นแต่จะมีการตัดสินใจลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมจาก OPEC+ หรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่ออุปทานอย่างมีนัยสำคัญ
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีการผลิตน้ำมันสูง:
สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน:
ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง:
เสถียรภาพในประเทศผู้ผลิตสำคัญ:
การประเมินผลกระทบ: ปัจจัยความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็น “Risk Premium” ในราคาน้ำมัน แต่ในปัจจุบันมีน้ำหนักน้อยกว่าปัจจัยด้านอุปสงค์-อุปทานและนโยบายการค้า
นโยบายพลังงานของประเทศสำคัญต่างๆ มีผลต่อแนวโน้มราคาน้ำมันในระยะยาว:
นโยบายพลังงานของสหรัฐฯ:
นโยบายพลังงานของจีน:
การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด:
การประเมินผลกระทบระยะยาว: ในระยะยาว แนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันความต้องการน้ำมัน แต่ระยะเวลาและความเร็วของการเปลี่ยนผ่านนี้อาจเปลี่ยนแปลงไปตามนโยบายของรัฐบาลและสภาพเศรษฐกิจโลก
ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคมีผลต่อราคาน้ำมันผ่านความต้องการใช้พลังงานและการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง:
นโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย:
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ:
ความเสี่ยงของเศรษฐกิจถดถอย:
การประเมินผลกระทบ: ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบันโน้มเอียงไปในทิศทางลบต่อราคาน้ำมัน โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า
โดยสรุป ปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน USOIL โดยเฉพาะผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้และความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์โลก แม้จะมีปัจจัยสนับสนุนจากการลดลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ แต่ในภาพรวม แรงกดดันจากฝั่งลบมีน้ำหนักมากกว่าในขณะนี้ ซึ่งสอดคล้องกับภาพทางเทคนิคที่ราคาได้หลุดแนวรับสำคัญที่ $60 ลงมา
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานของน้ำมัน USOIL อย่างละเอียด เราสามารถสรุปภาพรวมและแนวทางการเทรดได้ดังนี้
ราคาน้ำมัน USOIL อยู่ในแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน โดยเหตุการณ์สำคัญล่าสุดคือการทะลุแนวรับทางจิตวิทยาที่สำคัญที่ $60 ลงมา ซึ่งเป็นระดับราคาต่ำสุดในรอบ 4 ปี ปัจจัยหลักที่กดดันราคาคือมาตรการภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน 2025 และความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลง แม้จะมีปัจจัยสนับสนุนบางประการ เช่น การลดลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ แต่ปัจจัยด้านลบยังคงมีน้ำหนักมากกว่า
ในแง่ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาได้สร้างรูปแบบขาลงที่ชัดเจนในทุกกรอบเวลา ตั้งแต่รายวันไปจนถึงรายชั่วโมง โดยเป้าหมายการปรับตัวลงถัดไปอยู่ที่บริเวณ $56-57 และหากไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ อาจลงไปทดสอบแนวรับที่ $54.20-54.50 อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ตัวชี้วัดทางเทคนิคเช่น RSI และ Stochastic ในกรอบเวลาที่สั้นลงมา (H4, H1) เริ่มแสดงสัญญาณของการแยกตัวเชิงบวก (Positive Divergence) ซึ่งอาจนำไปสู่การดีดตัวกลับในระยะสั้นเพื่อทดสอบแนวต้านที่ $60 (ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแนวต้านแล้ว)
สำหรับเทรดเดอร์ สถานการณ์นี้เสนอโอกาสเทรดในหลายรูปแบบ:
กลยุทธ์ระยะสั้น (1-3 วัน):
กลยุทธ์ระยะกลาง (1-2 สัปดาห์):
กลยุทธ์การลงทุนระยะยาว (1-3 เดือน):
ในการเทรด USOIL ในช่วงนี้ การจัดการความเสี่ยงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากข่าวเกี่ยวกับสงครามการค้าและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เทรดเดอร์ควรจำกัดความเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของเงินทุนต่อการเทรดหนึ่งครั้งและใช้ Stop Loss ทุกครั้ง
ปัจจัยสำคัญที่ควรติดตามในสัปดาห์ถัดไปได้แก่:
โดยสรุป ภาพรวมตลาดน้ำมัน USOIL ในปัจจุบันยังคงเป็นลบ และแนวโน้มขาลงยังคงดำเนินต่อไป แม้จะมีโอกาสเกิดการดีดตัวกลับในระยะสั้น แต่ตราบใดที่ราคายังไม่สามารถกลับขึ้นไปเหนือระดับ $62.50 ได้อย่างมั่นคง แนวโน้มหลักยังคงเป็นขาลง เทรดเดอร์ควรใช้ความระมัดระวังและปรับกลยุทธ์การเทรดให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมติดตามปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อทิศทางราคาอย่างใกล้ชิด