การทำความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดกระทิงและตลาดหมี: คำแนะนำสำหรับมือใหม่
ตลาดมักให้ความรู้สึกที่เหมือนกับรถไฟเหาะตีลังกาที่เต็มไปด้วยขึ้นและลง การพลิกผันและทางเลี้ยว แม้แต่นักเทรดผู้ที่มีประสบการณ์ ความผันผวนเหล่านี้มักแบ่งออกได้เป็นสองช่วงด้วยกัน ได้แก่ ตลาดกระทิงและตลาดหมี คำศัพท์เฉพาะทางเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่คำฮิตติดหูเท่านั้น แต่ยังจับความรู้สึกของตลาด ทิศทางและแม้กระทั่งภาพรวมทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไรได้อีกด้วย ตลาดกระทิงคือสัญลักษณ์ของการมองโลกในแง่ดี การเติบโตและการปรับตัวขึ้น ให้ลองนึกถึงการฟื้นตัวหลังปี 2008 ในทางกลับกัน ตลาดหมีสะท้อนถึงความกลัว เศรษฐกิจที่หดตัวและราคาที่ปรับตัวลง เช่น การปรับตัวลงอย่างรวดเร็วที่เราได้เห็นในช่วงการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ในปี 2020
แต่สิ่งที่กำหนดวัฏจักรของตลาดเหล่านี้จริง ๆ คืออะไร? และทำไมสิ่งนี้ถึงความสำคัญกับนักลงทุน? ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดหรืออยากรู้ว่าแนวโน้มเหล่านี้ทำงานอย่างไรในทุกเรื่องตั้งแต่สกุลเงินดิจิทัลไปจนถึงสินค้าโภคภัณฑ์ การทำความเข้าใจถึงตลาดกระทิงและตลาดหมีนั้นก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ในคำแนะนำนี้ เราจะอธิบายถึงคำศัพท์เฉพาะทางเหล่านี้ สำรวจลักษณะที่กำหนดและแสดงให้เห็นว่าการทราบถึงความแตกต่างนั้นสามารถช่วยคุณก้าวข้ามกระแสแห่งการลงทุนด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้นได้อย่างไร
ตลาดกระทิงคืออะไร?

ตลาดกระทิงหมายถึงช่วงระยะเวลาที่มูลค่าของสินทรัพย์ เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์หรือสกุลเงินกำลังปรับตัวขึ้นหรือคาดว่าจะปรับตัวขึ้น โดยทั่วไปแล้วนักเทรดจะมองโลกในแง่ดีในช่วงตลาดกระทิง ซึ่งนำไปสู่กิจกรรมการซื้อที่เพิ่มขึ้น
ปัจจัยสำคัญเกี่ยวกับตลาดกระทิง:
- แนวโน้มขาขึ้น: โดยทั่วไปแล้วจะเป็นราคาของสินทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นในช่วงระยะเวลาที่นานขึ้น
- ความเชื่อมั่นของนักลงทุน: มีการมองโลกในแง่ดีอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในอนาคตของตลาด
- การเติบโตทางเศรษฐกิจ: มักเกิดขึ้นพร้อมกับเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งหรือกำลังแข็งแกร่งขึ้น
- ปริมาณการเทรดสูง: กิจกรรมการซื้อที่เพิ่มขึ้นในตลาด
พูดง่าย ๆ ก็คือในช่วงตลาดกระทิง อารมณ์โดยรวมจะเป็นบวกและผู้คนต่างก็กระตือรือร้นที่จะลงทุนเพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มนี้อาจคงอยู่ได้เป็นระยะเวลาหลายเดือนหรือแม้กระทั่งหลายปี แต่ถึงอย่างนั้นบ่อยครั้งที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ผลประกอบการจากบริษัทที่แข็งแกร่งและเศรษฐกิจที่ดี
ตัวอย่างของตลาดกระทิง
ลองนึกภาพว่าคุณซื้อหุ้นในบริษัทอย่าง Apple ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ Apple ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะยอดขายที่แข็งแกร่ง นวัตกรรมและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เป็นบวก ในขณะที่มีผู้คนซื้อหุ้นของ Apple มากขึ้น ราคาหุ้นบริษัทก็เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะของตลาดกระทิง นักลงทุนมั่นใจมากยิ่งขึ้นและวงจรการปรับตัวขึ้นของราคานี้ก็จะดำเนินต่อไป
หากต้องการทำความเข้าใจเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวชี้วัดตลาดที่อาจส่งสัญญาณการเริ่มต้นของตลาดกระทิง กรุณาอ่านบทความนี้ที่ปฏิทินทางเศรษฐกิจ
ตลาดหมีคืออะไร?
ในทางกลับกัน ตลาดหมีคือตอนที่มูลค่าของสินทรัพย์ปรับตัวลงหรือคาดว่าจะปรับตัวลง ตลาดประเภทนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มเชิงลบที่นักลงทุนระมัดระวังหรือแม้กระทั่งเกรงกลัว โดยปกติแล้วตลาดหมีหมายถึงการปรับตัวลงในมูลค่าของสินทรัพย์ 20% หรือมากกว่าในช่วงที่ยืดเยื้อ
ลักษณะสำคัญของตลาดหมีนั้นรวมถึง:
- แนวโน้มขาลง: โดยทั่วไปแล้วราคาของสินทรัพย์จะปรับตัวลงในช่วงระยะเวลาที่นานขึ้น
- การมองโลกในแง่ร้ายของนักลงทุน: มีมองโลกในแง่ร้ายอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในอนาคตของตลาด
- เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง: มักเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงหรือสภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- ปริมาณการเทรดที่ลดลง: กิจกรรมการซื้อในตลาดที่ลดลง
เมื่อตลาดเข้าสู่ช่วงตลาดหมี นักเทรดอาจเริ่มขายสินทรัพย์ของตนเองเพื่อลดการขาดทุน ซึ่งส่งผลให้ราคาปรับตัวลงมากขึ้นไปอีก ตลาดหมีมักเกี่ยวข้องกับแนวโน้มขาลงทางเศรษฐกิจ สภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือวิกฤตการณ์ทางการเงิน
ตัวอย่างของตลาดหมี
ให้ลองพิจารณาถึงตลาดหุ้นในช่วงวิกฤตการเงินทั่วโลกปี 2008 ในช่วงระยะเวลานี้ หุ้นร่วงลงเนื่องจากธนาคารล้มเหลว และอัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น หากคุณเคยเป็นนักลงทุนในบริษัทใหญ่ ๆ ในเวลานั้น คุณคงจะเห็นว่าการลงทุนของคุณสูญเสียมูลค่าไปมาก นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของตลาดหมี ซึ่งความกลัวและความไม่แน่นอนที่แพร่หลายส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ลดลง
ทำไมถึงเรียกว่าตลาดกระทิงและตลาดหมี?
คุณอาจสงสัยว่าทำไมแนวโน้มตลาดที่แตกต่างกันอย่างมากทั้งสองนี้ถึงตั้งชื่อตามสัตว์ ที่มาของศัพท์เฉพาะทางเหล่านี้ประเด็นถกเถียงในหมู่นักประวัติศาสตร์ทางการเงิน แต่มีทฤษฎียอดนิยมอยู่สองสามทฤษฎี:
- สไตล์การต่อสู้ของสัตว์: คำว่า “กระทิง” เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากวิธีที่กระทิงโจมตีคู่ต่อสู้ เมื่อกระทิงพุ่งเข้าใส่ มันจะเหวี่ยงเขาขึ้น และการเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการปรับตัวขึ้นในตลาดกระทิง ในทางกลับกัน หมีจะปัดอุ้งเท้าลงเมื่อพวกมันโจมตี การเคลื่อนไหวขาลงนี้เป็นสัญลักษณ์ของราคาที่ปรับตัวลงในตลาดหมี
- การค้าหนังหมีในประวัติศาสตร์: ในศตวรรษที่ 16 คนกลางในการค้าหนังหมีที่รู้จักกันในชื่อ “คนงานหนังหมี” บางครั้งจะขายหนังที่พวกเขายังไม่มี โดยหวังว่าราคาจะลดลงก่อนที่จะซื้อจากคนวางกับดัก นักเทรดเหล่านี้ได้กำไรจากส่วนต่างของราคา และเมื่อเวลาผ่านไป “หมี” ก็สัมพันธ์กับภาวะตลาดขาลง
คำอุปมาอุปไมยของสัตว์เหล่านี้ยังคงติดอยู่และกลายเป็นส่วนสำคัญของคำศัพท์ทางการเงินโดยไม่คำนึงถึงต้นกำเนิดที่แท้จริง เมื่อตลาดกำลังพุ่งไปข้างหน้า เราเรียกมันว่าภาวะกระทิง เมื่อตลาดล่าถอย เราเรียกว่าเป็นภาวะหมี
ลักษณะที่สำคัญของตลาดกระทิงและตลาดหมี
เรามาสำรวจลักษณะสำคัญของตลาดแต่ละประเภทเพื่อช่วยให้คุณจดจำได้ในขณะเทรดหรือลงทุน
ลักษณะของตลาดกระทิง:
- ราคาที่ปรับตัวขึ้น: การปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาสินทรัพย์เมื่อเวลาผ่านไปเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนที่สุดของตลาดกระทิง ไม่ว่าจะเป็นหุ้น สกุลเงิน พันธบัตร หรือสินทรัพย์อื่น ๆ แนวโน้มทั่วไปของตลาดกระทิงจะเป็นขาขึ้น
- ความเชื่อมั่นของนักลงทุน: ในช่วงตลาดกระทิง นักเทรดจะรู้สึกในแง่ดีและมั่นใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมและการลงทุนของพวกเขา และมีความเชื่อเพิ่มมากขึ้นว่าตลาดจะยังคงมีแนวโน้มขาขึ้นต่อไป
- กิจกรรมการซื้อและปริมาณการเทรดที่เพิ่มขึ้น: เพราะแนวโน้มและการคาดการณ์ในเชิงบวก นักเทรดจึงมีแนวโน้มเป็นอย่างยิ่งที่จะเริ่มซื้อสินทรัพย์ กิจกรรมการซื้อนี้ขับเคลื่อนราคาให้ปรับตัวขึ้นและนำไปสู่ปริมาณการเทรดที่สูงขึ้น
- ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง: โดยปกติแล้ว ตลาดจะอยู่ในภาวะกระทิงในช่วงที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมีอัตราการจ้างงานที่สูง, GPD ที่ปรับตัวขึ้น, การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นและเงินกำไรที่แข็งแกร่งจากบริษัท
- อัตราการว่างงานต่ำ: ในช่วงตลาดกระทิง บริษัทมีแนวโน้มที่จะลงทุนในการขยายกิจการหรือการพัฒนา ด้วยกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจมักจะว่าจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น ลงทุนกับโครงการใหม่ ๆ หรือขยายสายผลิตภัณฑ์ เป็นต้น นี่อาจนำไปสู่การสร้างงานและอัตราการว่างงานที่ต่ำลง
ลักษณะของตลาดหมี:
- ราคาที่ปรับตัวลง: ตลาดหมีมีลักษณะพิเศษคือราคาสินทรัพย์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ 20% หรือมากกว่า
- ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเชิงลบ: บ่อยครั้งที่นักลงทุนรู้สึกไม่มั่นใจหรือเกรงกลัวในช่วงตลาดหมี ซึ่งนำไปสู่กิจกรรมการซื้อที่ลดลงหรือในบางกรณี มีการเทขายด้วยความตื่นตระหนกอย่างกว้างขวาง ซึ่งทำให้ราคาปรับตัวลงมากยิ่งขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงไปสู่การลงทุนที่ปลอดภัย: นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะย้ายเงินของตนออกจากหุ้นในช่วงตลาดหมีและย้ายไปยังสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า เช่น พันธบัตร ทองคำหรือสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด
- ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ: ตลาดหมีบ่อยครั้งเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจถดถอยหรือในช่วงที่ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจย่ำแย่ โดยปกติจะเป็นตอนที่ GDP ปรับตัวลง กำไรของบริษัทลดลง เป็นต้น
- อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น: ในช่วงที่ตลาดตกต่ำเป็นอย่างมาก ธุรกิจอาจลดค่าใช้จ่ายลง โดยบ่อยครั้งจะเป็นการไล่พนักงานออก ซึ่งส่งผลให้อัตราการว่างงานสูงขึ้น
ตลาดกระทิงและตลาดหมีส่งผลกระทบต่อนักลงทุนอย่างไร?
การทำความเข้าใจถึงลักษณะพื้นฐานของตลาดกระทิงและตลาดหมีคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับใครก็ตามที่มีส่วนร่วมในการเทรด การลงทุนและการเงินโดยทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังควรต้องสำรวจด้วยว่าสภาพตลาดเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในด้านต่าง ๆ อย่างไร:
ผลกระทบของตลาดกระทิงที่มีต่อนักลงทุน:
- มูลค่าพอร์ตที่เพิ่มขึ้น: ในตลาดกระทิง สินทรัพย์มักจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าการลงทุนของคุณ เช่น หุ้นหรือสินค้าโภคภัณฑ์อาจเติบโตขึ้นได้อย่างมาก ผู้ที่ลงทุนสินทรัพย์เอาไว้ช่วงก่อนหน้าตลาดกระทิงบ่อยครั้งจะได้รับเงินกำไรมากที่สุด
- การยอมรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น: ในขณะที่ราคาเพิ่มขึ้น นักลงทุนจะมีความมั่นใจมากขึ้นและอาจใช้กลยุทธ์ที่เสี่ยงมากขึ้น โดยเชื่อว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นต่อไป
- โอกาสในการซื้อ: นักลงทุนยินดีที่จะซื้อในช่วงตลาดกระทิงมากขึ้นเพราะพวกเขาคาดว่าราคาจะปรับตัวขึ้นต่อไป ซึ่งนำไปสู่โอกาสในการทำกำไรมากขึ้น
- โอกาสสำหรับการเติบโตในระยะยาว: ตลาดกระทิงสนับสนุนกลยุทธ์การลงทุนในระยะยาวที่นักลงทุนจะถือครองสินทรัพย์เอาไว้นานขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากราคาที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนหลายคนปรับใช้กลยุทธ์ในระยะยาวในระหว่างช่วงตลาดกระทิง โดยเชื่อมั่นว่าการถือครองหุ้นเอาไว้จะให้ผลตอบแทนเป็นอย่างมากเมื่อเวลาผ่านไป
- ความเสี่ยงจากการประเมินค่าสูงเกินไป: แต่ถึงอย่างนั้น ในช่วงตลาดกระทิงที่ยืดเยื้อ ราคาสินทรัพย์อาจปรับตัวสูงมากเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริงได้ นี่อาจนำไปสู่การปรับฐานในตลาดทันทีหรือการล่มสลายเมื่อฟองสบู่แตก
ผลกระทบของตลาดหมีที่มีต่อนักลงทุน:
- มูลค่าพอร์ตลดลง: นักลงทุนที่ถือหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ เอาไว้อาจได้เห็นมูลค่าของพอร์ตของตนลดลงในช่วงตลาดหมี นี่อาจเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดสำหรับนักลงทุนในระยะยาวได้ แต่เรื่องสำคัญที่ต้องจำไว้ก็คือตลาดเองก็มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ในท้ายที่สุดเช่นกัน
- กลยุทธ์ป้องกัน: นักลงทุนหลายรายเปลี่ยนไปเป็น “หุ้นป้องกัน” — เช่น สาธารณูปโภคหรือสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งมีแนวโน้มที่จะถือครองมูลค่าได้ดีกว่าในช่วงตลาดขาลง
- การซื้อในราคาที่ต่ำลง: นักเทรดที่มีความเชี่ยวชาญและมีขอบเขตการลงทุนในระยะยาวอาจมองเห็นตลาดหมีเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นที่มีคุณภาพที่ได้รับการประเมินราคาต่ำเกินไป โดยมีโอกาสที่จะได้รับผลกำไรในอนาคตเมื่อตลาดฟื้นตัวและขยับขึ้น แบบนี้มักเรียกว่า “ซื้อที่จุดต่ำสุด”
- ความเครียดทางอารมณ์และแรงกดดันขาย: ตลาดหมีอาจก่อให้เกิดความกลัวและความเครียด ซึ่งทำให้นักลงทุนบางส่วนเทขายสินทรัพย์ของตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม การสงบสติอารมณ์และมุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายระยะยาวมักเป็นแนวทางที่ดีกว่า โปรดจำไว้ว่า ตลาดเป็นวัฏจักรและสิ่งที่ปรับตัวลงมักจะกลับมาขึ้นอีก
กระทิง vs หมี: เคล็ดลับในการวางตำแหน่งตัวเอง
หลังจากที่คุณเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างตลาดกระทิงและหมีแล้ว คุณจะสามารถค้นหาข้อมูลเชิงลึกอันล้ำค่าสำหรับการกำหนดกลยุทธ์การเทรดหรือการลงทุนของคุณได้ ในขณะที่เคล็ดลับด้านล่างนี้ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน แต่คำแนะนำเหล่านี้อิงจากการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดการเงินในอดีต กลยุทธ์เหล่านี้เป็นหนึ่งในแนวทางทั่วไปและใช้งานง่ายที่สุดที่นักเทรดและนักลงทุนมักพิจารณาในช่วงตลาดกระทิงและตลาดหมี โปรดจำไว้เสมอว่าจะต้องประเมินการยอมรับความเสี่ยงของคุณเองก่อนตัดสินใจลงทุนใด ๆ ด้วย
ในตลาดกระทิง:
- ซื้อและถือครองเอาไว้: กลยุทธ์ทั่วไปในตลาดกระทิงคือการซื้อหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์หรือสินทรัพย์ที่คุณเชื่อมั่นว่าจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและถือครองเอาไว้ในขณะที่ราคาปรับตัวขึ้น
- ใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวัง: ในตลาดกระทิง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากความเชื่อมั่นในเชิงบวก คุณอาจพิจารณาใช้เลเวอเรจเพื่อเพิ่มเงินกำไรพึงได้ให้มากยิ่งขึ้นได้ แต่เรื่องสำคัญคือต้องใช้อย่างระมัดระวัง เลเวอเรจอาจเพิ่มเงินกำไรให้ได้ แต่ก็อาจทำให้ขาดทุนมากขึ้นได้เช่นกัน หากคุณยังเป็นมือใหม่กับเลเวอเรจ ให้ลองอ่านคำแนะนำที่เราสร้างขึ้นเพื่อคุณได้ในเลเวอเรจในการเทรด
- ตั้งเป้าหมายที่สมจริง: ในตลาดที่กำลังปรับตัวขึ้น เป็นเรื่องง่ายที่เราจะเผลอใจไปกับความเชื่อมั่นเชิงบวก การตั้งเป้าหมายการทำกำไรให้ชัดเจนและตรวจสอบพอร์ตของคุณเป็นระยะ ๆ อาจช่วยให้คุณล็อกเงินกำไรและหลีกเลี่ยงกับดักการประเมินค่าสูงเกินไปที่อาจเกิดขึ้นได้
ในตลาดหมี:
- การขายชอร์ต: นักเทรดบางรายอาจทำกำไรในตลาดหมีจาก “การขายชอร์ต” — พวกเขาเดิมพันว่าสินทรัพย์ที่เฉพาะเจาะจงจะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้นกลยุทธ์นี้ก็ค่อนข้างเสี่ยงและควรใช้กลยุทธ์นี้หากคุณเข้าใจถึงการทำงานของมันอย่างแท้จริงแล้วเท่านั้น
- การกระจายความเสี่ยง: การกระจายความเสี่ยงคือกุญแจสำคัญในการจัดการความเสี่ยงที่ประสบความสำเร็จเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงตลาดหมี ให้กระจายการลงทุนของคุณในประเภทสินทรัพย์และภาคส่วนการเงินต่าง ๆ
- มุ่งเน้นที่เป้าหมายระยะยาว: หากคุณเป็นนักลงทุนในระยะยาว คุณสามารถใช้ประโยชน์จากการซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่าต่ำเกินจริงในราคาที่ถูกลงได้ โดยคาดหวังการทำกำไรที่เป็นไปได้เมื่อตลาดปรับตัวขึ้นหลังจากที่ฟื้นตัว
หากคุณต้องการยกระดับกลยุทธ์การเทรดโดยรวมของคุณหรือเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการสร้างระบบการเทรด ให้ลองอ่านโพสต์นี้เกี่ยวกับการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเทรด
บทสรุป
อย่าลืมว่าไม่ว่าจะตลาดกระทิงหรือหมีต่างก็ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป ตลาดเป็นวัฏจักร และสิ่งที่ขึ้นจะต้องลงในที่สุด – และในทางกลับกัน กุญแจสำคัญในการลงทุนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่การยึดติดอยู่กับความอิ่มเอมใจของตลาดกระทิงหรือความสิ้นหวังของตลาดหมี แต่เพื่อรักษาแนวทางที่สมดุลและมีข้อมูลครบถ้วน
แนวคิดเหล่านี้จะช่วยนำทางแนวโน้มของตลาด จัดการความคาดหวัง และทำการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลมากขึ้น และจำไว้ว่าความรู้และการเตรียมตัวคือการป้องกันที่ดีที่สุดในป่าทางการเงิน ไม่ว่าคุณจะต้องรับมือกับกระทิงหรือหมีก็ตาม
อยากนำความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดกระทิงและตลาดหมีมาปฏิบัติจริงหรือไม่? ลงทะเบียนตอนนี้กับ FXGT.com และเริ่มต้นเส้นทางการลงทุนฟอเร็กซ์ของคุณไปกับโบรกเกอร์ CFD ที่น่าเชื่อถือและได้รับการควบคุมระดับโลก! ยังไม่พร้อมที่จะเสี่ยงเงินทุนของคุณตอนนี้ใช่ไหม? ไม่มีปัญหา—สำรวจการเทรดแบบไร้ความเสี่ยงกับบัญชีทดลองเทรด ฝึกฝนกลยุทธ์ วิเคราะห์กราฟ ทดสอบตัวชี้วัดและค้นพบเครื่องมืออันทรงพลังทั้งหมดนี้ได้โดยใช้เงินเสมือนจริง